ให้คำปรึกษาฟรี

Overseas study column

บทความศึกษาต่อต่างประเทศ

Article Search
文章過濾器
โรงเรียนประจำอังกฤษ

【โรงเรียนประจำของอังกฤษ】คู่มือฉบับสมบูรณ์ปี 2023

นักเรียนและผู้ปกครองหลายๆท่านอาจจะได้รับข้อมูลการศึกษา หรือฟังประสบการณ์การศึกษาในต่างประเทศจากญาติและเพื่อน รวมถึงข้อมูลที่หาได้ง่ายบนอินเทอร์เน็ต สิ่งสำคัญคือแต่ละคนมักมีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน และเส้นทางการศึกษาของผู้อื่นอาจใช้ไม่ได้กับนักเรียนทุกคนได้ ท่ามกลางข้อมูลที่มีอยู่มากมาย สิ่งเหล่านั้นอาจะไม่สามารถตอบสนองหรือเหมาะกับความต้องการได้ คู่มือการศึกษานี้เขียนขึ้นสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการให้บุตรหลานเรียน โรงเรียนประจำของอังกฤษหรือโรงเรียนเอกชน ระยะเวลาสามปี ด้วยข้อความ ข้อมูล และรูปภาพ ผู้ปกครองสามารถทำความเข้าใจอย่างครอบคลุมเกี่ยวกับคุณสมบัติของโรงเรียน และจากมุมมองต่างๆ จะรับรู้ทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของโรงเรียน เพื่อค้นหาสถาบันการศึกษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบุตรหลานของท่าน หัวข้อ: 8 ปัจจัยสำคัญในการเลือกโรงเรียนประจำในสหราชอาณาจักร คู่มือนี้รวบรวมกลยุทธ์การเลือกโรงเรียนของที่ปรึกษาด้านการศึกษามืออาชีพ ช่วยให้ผู้ปกครองเริ่มต้นด้วย "แปด" หัวขข้อนี้เพื่อเรียนรู้วิธีเลือกโรงเรียนที่เหมาะสมสำหรับการลงทะเบียนเรียนของบุตรหลาน 2. เมืองยอดนิยมสำหรับการศึกษา 3. การเตรียมตัวหลังจากยืนยันการลงทะเบียน 8 ปัจจัยสำคัญในการเลือกโรงเรียนประจำในสหราชอาณาจักร ปัจจัยแรก: ปีที่เข้ารับการศึกษาในโรงเรียนประจำในสหราชอาณาจักร ผู้ปกครองควรเข้าใจความแตกต่างระหว่างระบบการศึกษาในประเทศไทยและสหราชอาณาจักร และรู้จักปีที่เป็นปีเข้ารับการศึกษาหลักในสหราชอาณาจักร วิธีนี้เป็นวิธีที่ผู้ปกครองสามารถวางแผนเวลาที่เหมาะสมในการส่งลูกของคุณเข้าเรียนในสหราชอาณาจักรได้ดีที่สุด ระบบการศึกษาของสหราชอาณาจักรประกอบด้วยปีการศึกษาในโรงเรียนมัธยมปลายทั้งหมด 7 ปีและปีการศึกษาในมหาวิทยาลัยทั้งหมด 3 ปี ผู้ปกครองควรทราบเป็นอย่างยิ่งในเรื่องอายุการเข้ารับการศึกษาในสหราชอาณาจักรมีการขยับขึ้นอีก 1 ปีเมื่อเทียบกับประเทศไทย นักเรียนที่อังกฤษเริ่มเรียนชั้นประถมต้นเรียนเร็วกว่าไทย 1 ปี และเมื่อถึงอายุ 11 ปี น้องๆก็จะเริ่มเข้าเรียนในชั้น Year 7  ดังนั้นเมื่อนักเรียนทำการเปลี่ยนจากระบบการศึกษาของไทยมาสู่ระบบการศึกษาของอังกฤษน้องๆอาจรู้สึกเหมือนว่ากำลัง "ข้ามชั้นเรียน" อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความสามารถในการที่ลูกของคุณจะทำการปรับตัวกับระบบใหม่ เนื่องจากมาตรฐานการศึกษาของประเทศไทยทั่วไปมีความสูงกว่าของประเทศอังกฤษในระดับการศึกษาประถมและมัธยมต้น ดังนั้น นักเรียนไทยส่วนใหญ่จะมีความพร้อมในการรับมือกับหลักสูตรการศึกษาของสหราชอาณาจักรเมื่อทำการเปลี่ยนสถานศึกษาในประเทศอังกฤษได้ หลังจากเปรียบเทียบระดับชั้นในสหราชอาณาจักรและประเทศไทยแล้ว ผู้ปกครองควรคำนวณอายุของลูกของคุณในวันที่ 1 กันยายน เป็นวันเริ่มต้นของปีการศึกษา ดังนั้นหากลูกของคุณอายุ 13 ปีแล้วนับจากวันนั้น จึงควรลงทะเบียนเข้ารับการศึกษาในชั้น Year9. เกรดการเข้ารับการศึกษาสำหรับโรงเรียนประจำของสหราชอาณาจักรและโรงเรียนเอกชนทั่วไปคือ Year 7, Year 9, Year 10, และ Year 12 โรงเรียนเก่าแก่บางแห่งอาจรับสมัครเฉพาะ Year 7, Year 9, และ Year 12 เท่านั้น และไม่รับนักเรียนในชั้น Year 10   ดังนั้น เมื่อผู้ปกครองวางแผนที่จะส่งน้องๆไปเรียนที่สหราชอาณาจักร ผู้ปกครองต้องใส่ใจต่อเกรดการเข้ารับการศึกษาหลักของโรงเรียนที่ต้องการและวางแผนให้สอดคล้องกัน. ผู้ปกครองควรระวังเรื่องชั้นเรียนของระดับชั้น Year10 ซึ่งชั้นนี้เป็นชั้นปีแรกของระบบการศึกษาในประเทศอังกฤษที่เรียกว่า General Certificate of Secondary Education (GCSE)           หากนักเรียนเลือกเข้ารับการศึกษาในชั้น Year 10 พวกเขาจำเป็นต้องปรับตัวเร็วในรูปแบบการเรียนรู้ของสหราชอาณาจักรเพื่อป้องกันไม่ให้มีผลกระทบต่อผลการเรียนในสอบในอนาคต ในการเลือกเกรดการเข้ารับการศึกษา ผู้ปกครองควรพิจารณาด้วยว่าความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษของลูกตรงตามข้อกำหน ดของหลักสูตรในสหราชอาณาจักรหรือไม่ นักเรียนบางคนที่เรียนในระบบการศึกษาไทยและต้องการเข้ารับการศึกษาในชั้น Year12 ในสหราชอาณาจักร อาจถูกปฏิเสธในการรับเข้าและแนะนำให้เข้ารับการศึกษาในระดับชั้น GCSE ปี 1     (Year 11) เพื่อสร้างฐานที่แข็งแกร่งในภาษาอังกฤษก่อนที่จะเข้ารับการศึกษาในชั้น Year 12 อย่างไรก็ตามYear 12 เป็นปีแรกของระดับชั้น A-Levels และผลการเรียนในปีนี้มีความสำคัญสำหรับการเข้ามหาวิทยาลัยในอนาคต ดังนั้น การใช้เวลาเพิ่มอีกปีเพื่อสร้างฐานที่แข็งแกร่งสามารถเป็นประโยชน์ต่อนักเรียนได้  ดังนั้นผู้ปกครองควรตรวจสอบด้วยว่าโรงเรียนที่พวกเขาต้องการมีข้อกำหนดเกี่ยวกับอายุสำหรับการรับเข้าหรือไม่อีกด้วย การวิเคราะห์ปีการเข้ารับการศึกษาในสหราชอาณาจักร นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาประถมศึกษาปีที่ 5 ในประเทศไทยปกติจะมีอายุประมาณ 11 ปีและส่วนมากจะเข้ารับการศึกษาในชั้น Year 7 ในสหราชอาณาจักร นักเรียนจะเริ่มเรียนในชั้นมัธยมต้นกับนักเรียนชาวอังกฤษ การเลือกเข้ารับการศึกษาในชั้น Year  7 จะทำให้ง่ายขึ้นสำหรับนักเรียนในการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่และสร้างเพื่อนใหม่ ชั้นYear 7 ยังเป็นหนึ่งในปีการเข้ารับการศึกษาหลักในสหราชอาณาจักรโดยมีที่ว่างจำนวนมากให้เลือก หากลูกของคุณยังไม่ครบ 11 ปีเมื่อเริ่มต้นปีการศึกษาในเดือนกันยายน ผู้ปกครองสามารถเลือกชั้นYear 6 ได้ อย่างไรก็ตาม มีข้อสองข้อควรพิจารณา: ข้อแรก หลังจากสำเร็จการศึกษาในชั้น Year 6 นักเรียนอาจจะต้องสอบ Common Entrance Exam (CEE) เพื่อเข้าชั้นปีถัดไป จากประสบการณ์ เราไม่แนะนำให้นักเรียนเตรียมตัวสอบ CEE ในระยะเวลาเพียงหนึ่งปีเนื่องจากโรงเรียนส่วนใหญ่จะเตรียมนักเรียนในระยะเวลาสองปี ข้อสอง หากนักเรียนเข้ารับการศึกษาในชั้นYear 6 อาจมีความท้าทายในการผสมผสานกับวงสังคมของเพื่อนร่วมชั้นที่รู้จักกันอยู่แล้ว ซึ่งอาจเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับนักเรียนที่มีอายุ 10 หรือ 11 ปี ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะเลือกให้ลูกๆเริ่มสมัครในชั้น Year 8 […]
13 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
ตัวช่วยสำหรับคนที่อยากเข้ามหาวิทยาลัยในฝัน . มหาวิทยาลัยอังกฤษ . วิธีการศึกษาต่อในอังกฤษ

[มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร] คู่มือการศึกษาในสหราชอาณาจักรฉบับสมบูรณ์ 2024

สำหรับนักเรียนจำนวนมากและครอบครัวของพวกเขา การเรียนในสหราชอาณาจักรคือความฝันที่เป็นจริงและเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยในอังกฤษทางออนไลน์ แต่ก็อาจมีจำนวนมากเกินไปและแยกส่วน ทำให้ยากสำหรับนักเรียนในการตัดสินใจอย่างรอบรู้ สวัสดีครับ ผมชื่อเอเดรียน จบการศึกษาจาก University of Warwick ผมได้ศึกษาในสหราชอาณาจักรตั้งแต่ชั้นมัธยม ทำให้คุ้นเคยกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาเป็นอย่างดี ในบทความนี้ ผมมุ่งมั่นที่จะให้คำแนะนำที่ครอบคลุมและนำไปใช้ได้จริงในการศึกษาต่อในสหราชอาณาจักร ครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครและค่าเล่าเรียนไปจนถึงการสมัครร่วม UCAS และวีซ่า โดยเน้นที่ประสบการณ์ในมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะครับ 1. ขั้นตอนการศึกษาในสหราชอาณาจักร ระบบการศึกษาในประเทศไทยและโรงเรียนหลักสูตรนานาชาติ 1.1. ระบบการศึกษาในประเทศไทยหรือระบบนานาชาติ ➨ หลักสูตรเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย ➨ ปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัย ถ้าคุณไม่ได้วางแผนที่จะสอบ A-Level หลังจากเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 5 หรือหากคุณไม่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยหรือสาขาที่คุณชื่นชอบได้โดยตรงหลังจากสำเร็จ A-Level3 ทางเลือกนี้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณหลักสูตร Foundation เป็นคอร์สเตรียมตัวที่ถูกออกแบบโดยมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรสำหรับนักเรียนต่างชาติ นักเรียนสามารถได้รับปริญญามหาวิทยาลัยในระยะเวลาทั้งหมด 4 ปีโดยเรียนหลักสูตร Foundation 1 ปี + หลักสูตรมหาวิทยาลัย 3 ปี โดยทั่วไปแล้ว สาขาวิชาส่วนใหญ่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยผ่านหลักสูตร Foundation ได้ ตราบเท่าที่นักเรียนได้คะแนนตรงตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด (โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 50% - 75%) นักเรียนจะถูกเลื่อนขั้นไปเป็นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน ข้อกำหนดทางวิชาการทั่วไป: ข้อกำหนดทางภาษาอังกฤษ: มีมหาวิทยาลัยประมาณ 130 แห่งในสหราชอาณาจักร โดยมากกว่า 80% ของมหาวิทยาลัยเหล่านี้ได้รับอนุญาตจากสถาบันการศึกษาระดับนานาชาติในการเสนอหลักสูตรมหาวิทยาลัยพื้นฐานร่วมกับสถาบันเหล่านี้ โดยสถาบันการศึกษาที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ CEG, INTO, Kaplan, Navitas, OIEG และ Study Group  ผู้ปกครองหรือนักเรียนอาจกังวลว่านักเรียนต้องทำคะแนนให้ได้ถึงระดับที่กำหนดในวิชาพื้นฐานก่อนที่จะสามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้ ดังนั้นวิธีการในการเลือกหลักสูตร Foundation ที่ปลอดภัยคืออย่างไร? 1.2. ระบบการศึกษาในประเทศไทยหรือระบบนานาชาติ ➨  ปีที่ 1 ระบบนานาชาติ ➨ ปีที่ 2 ของมหาวิทยาลัย หากนักเรียนมีทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษที่ดีแต่คะแนนๆคะแนน A-Level หรือเกรดในโรงเรียนอยู่ในระดับปานกลาง วิธีการนี้เหมาะสมที่สุด นักเรียนจะเข้าเรียนชั้นปีที่สองของมหาวิทยาลัยเมื่อเรียนจบหลักสูตร International Year1  หลังจากเรียนป็นเวลาทั้งหมดสามปี ก็จะถือสามารถสำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยได้ เนื่องจาก International Year 1 เทียบเท่ากับระดับนักศึกษาชั้นปีแรก หลักสูตรจึงมีความยากขึ้นเล็กน้อย เพื่อป้องกันการสอบตกในการเข้าเรียนต่อกับทางมหาวิทยาลัย  มหาวิทยาลัยดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงดมีจำนวนไม่มากที่เปิดสอนหลักสูตรInternational Year1 และไม่ใช่ทุกวิชาที่สามารถเรียนต่อผ่าน International Year 1 ได้ โดยทั่วไปแล้ว วิชาที่สามารถเรียนต่อในระดับ International Year1 ได้แก่: ธุรกิจ, วิศวกรรมศาสตร์ , มีเดีย, จิตวิทยา, สถาปัตยกรรม, กฎหมาย, ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, ชีววิทยา ฯลฯ International Year One (Pathway Programs): ข้อกำหนดทางภาษาอังกฤษ: มหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตร international Year 1 1.3. ระบบนานาชาติ ➨ ปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัย ถ้าผลสอบ A-Level ไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ แต่ต้องการให้โอกาสตัวเองอีกครั้งในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย/สาขาที่ดีขึ้น หรือหากคุณต้องการกลับมาศึกษาต่อมหาวิทยาลัยระบบอินเตอร์ในไทย วิธีการนี้เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ เพียงแค่เรียนหลักสูตร A-Level 1 ปีและจากนั้นสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรที่คุณต้องการผ่าน UK Joint Admissions Service (UCAS) นักเรียนก็สามารถได้ปริญญาในมหาวิทยาลัยในระยะเวลาทั้งหมด 4 ปี หรือหลังจากเสร็จสิ้นหลักสูตร A-Level 1 ปีคุณสามารถสมัครเข้าหลักสูตรมหาวิทยาลัยระบบอินเตอร์ด้วยผลคะแนน A-Level ได้เช่นเดียวกัน 1.4. ระบบนานาชาติ ➨ ปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัย หากนักเรียนมีผลคะแนน A-Level/IB อยู่ในเกณฑ์ที่ดี เส้นทางนี้เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ  นักเรียนสามารถสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในอังกฤษที่ชื่นชอบผ่านทาง UK Joint Admissions Service […]
17 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
มหาวิทยาลัยอังกฤษ

ดูแผนที่สหราชอาณาจักรเพื่อเลือกมหาวิทยาลัย

แผนที่มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร: เมืองแนะนำในสหราชอาณาจักรและอันดับ มหาวิทยาลัย เมื่อพูดถึงการศึกษาในสหราชอาณาจักร ปัจจัยที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งคือไม่ต้องสงสัยเลยว่าการจัดอันดับมหาวิทยาลัยและการกระจายมหาวิทยาลัยบนแผนที่สหราชอาณาจักร สำหรับนักเรียนต่างชาติในอนาคตและครอบครัวที่ไม่เคยไปสหราชอาณาจักร สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือต้องเข้าใจแผนที่สหราชอาณาจักร การกระจายตัวของมหาวิทยาลัยในภูมิภาคต่างๆ การจัดอันดับมหาวิทยาลัยใกล้ที่อยู่อาศัยของคุณ และสาขาวิชาที่เปิดสอน บทความนี้จะเริ่มต้นด้วยแผนที่สหราชอาณาจักรและการกระจายมหาวิทยาลัยใกล้กับเมืองใหญ่ ๆ ของสหราชอาณาจักร แนะนำการจัดอันดับและสาขาวิชาที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยในภูมิภาคต่าง ๆ เราหวังว่าจะให้ข้อมูลอ้างอิงอันมีค่าสำหรับการเลือกมหาวิทยาลัยสำหรับการศึกษาในสหราชอาณาจักร การทำความเข้าใจเกี่ยวกับแผนที่และการกระจายเมืองของสหราชอาณาจักรเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการศึกษาในสหราชอาณาจักร เมื่อดูแผนที่จะเห็นว่าสหราชอาณาจักรประกอบด้วยเกาะใหญ่และเกาะเล็ก ๆ ต่อเนื่องกัน จึงได้ชื่อว่า "สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ" อาณาจักรที่ประกอบด้วย 4 ประเทศ ได้แก่ อังกฤษ เวลส์ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในอังกฤษ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั่วไปเรียกว่า "สหราชอาณาจักร" และนี่คือจุดเน้นของบทความนี้ ต่อไปนี้จะแนะนำมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรที่มีชื่อเสียง 6 แห่งที่ตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ ของสหราชอาณาจักร เนื้อหาครอบคลุมเรื่องที่มีชื่อเสียง, สภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัย, บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัย และ QS World University Rankings ที่ทุกคนให้ความสนใจมากที่สุด ซึ่งจะทำให้คุณสามารถค้นหาข้อมูลการศึกษาต่อในสหราชอาณาจักรได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น University of Bristol อาณาจักรแห่งวิศวกรรมแห่งสหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ในเมืองบริสตอลของสหราชอาณาจักรทางตะวันตกของอังกฤษ อันดับมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรโดยรวม: 15 อันดับมหาวิทยาลัยโลก QS: 61 University of Bristol เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ในเมือง Bristol ซึ่งเป็นเมืองสร้างสรรค์ทางตะวันตกของอังกฤษ เป็นที่รู้จักในนาม "อาณาจักรแห่งวิศวกรรมแห่งสหราชอาณาจักร" และ "Little Imperial College" เนื่องจากสาขาวิชา STEM ที่โดดเด่น ในการจัดอันดับ "The Complete University" ประจำปี 2021 หลักสูตรวิศวกรรมทั่วไปของมหาวิทยาลัย Bristol ยังแซงหน้ามหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ซึ่งอยู่ในอันดับที่สองทั่วประเทศ โปรแกรมวิศวกรรมโยธาอยู่ในอันดับที่ห้า และวิศวกรรมเครื่องกลอยู่ในอันดับที่หก สาขาวิชาอื่นๆ เช่น วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ วิศวกรรมการบินและอวกาศและการผลิต และวิศวกรรมทั่วไปยังคงอยู่ในสิบอันดับแรกของสหราชอาณาจักรอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังให้ความสำคัญกับทักษะการปฏิบัติและเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกงานโดยได้รับค่าจ้างในปีที่ 2 ซึ่งช่วยให้นักศึกษาได้รับความรู้ทางวิชาชีพในที่ทำงานและสร้างสายสัมพันธ์กับนายจ้าง ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เมื่อพิจารณาจากการกระจายทั่วสหราชอาณาจักรแล้ว บริสตอลยังเป็นหนึ่งในหกเมืองยอดนิยมสำหรับการย้ายถิ่นฐานในสหราชอาณาจักร ใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงจากลอนดอน มีอากาศสบาย เครือข่ายโรงเรียนดี และเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานและโอกาสสำหรับผู้สำเร็จการศึกษา ด้วยเหตุนี้ผู้สำเร็จการศึกษาจาก Bristol จึงอยู่ใน 20 อันดับแรกของสหราชอาณาจักรในแง่ของโอกาสทางอาชีพ หากคุณกำลังพิจารณาศึกษาต่อในเมืองใดเมืองหนึ่งในสหราชอาณาจักร โปรดติดต่อที่ปรึกษาด้านการศึกษามืออาชีพของเรา บริการให้คำปรึกษาฟรีสำหรับการศึกษาต่อในสหราชอาณาจักรสามารถช่วยคุณค้นหาสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการศึกษาของคุณ มหาวิทยาลัยลีดส์ สมาคมมหาวิทยาลัยไวท์โรส ตั้งอยู่ที่ West Yorkshire ประเทศอังกฤษ อันดับมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรโดยรวม: 16 อันดับมหาวิทยาลัยโลก QS: 86 University of Leeds ตั้งอยู่ในเมือง Leeds ทาง West Yorkshire ทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ เป็นมหาวิทยาลัยด้านวิชาการและการวิจัยที่มีชื่อเสียง ร่วมกับ University of York และ University of Sheffield ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคยอร์คเชียร์ ก่อตั้ง "White Rose University Consortium" และร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาในสาขาเทคโนโลยีระดับสูง นอกจากนี้ University of Leeds ยังเป็นสมาชิกของ Russell Group และทุนวิจัยประจำปียังติดหนึ่งในสิบมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหราชอาณาจักร เทียบได้กับ Oxford และ Cambridge ในแง่ของทุนวิจัยโดยรวมและขนาด นอกจากผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมแล้ว เมืองลีดส์ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยลีดส์ยังเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา ใช้เวลาขับรถประมาณสี่ชั่วโมงจากลอนดอน และเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ในสหราชอาณาจักร นอกเมือง "บิ๊กทรี" อย่างลอนดอน แมนเชสเตอร์ และเบอร์มิงแฮม ลีดส์อยู่ในอันดับที่สองในด้านบริการระดับมืออาชีพและบริการด้านกฎหมายในสหราชอาณาจักร รองจากลอนดอน นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางที่สำคัญสำหรับธุรกิจ วัฒนธรรม การศึกษา และศิลปะในสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในเมืองสีเขียวที่ดีที่สุดในยุโรป ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวและนักเรียนต่างชาติที่กำลังพิจารณาศึกษาต่อในสหราชอาณาจักร หากคุณกำลังพิจารณาศึกษาต่อในเมืองใดเมืองหนึ่งในสหราชอาณาจักร โปรดติดต่อที่ปรึกษาด้านการศึกษามืออาชีพของเรา บริการให้คำปรึกษาฟรีสำหรับการศึกษาต่อในสหราชอาณาจักรสามารถช่วยคุณค้นหาสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการศึกษาของคุณ มหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล: บ้านเกิดของผู้ได้รับรางวัลโนเบล ตั้งอยู่ในเมืองลิเวอร์พูลทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ อันดับมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร: 21 อันดับมหาวิทยาลัยโลก […]
6 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
กลยุทธ์การเลือกหลักสูตร . การสนับสนุนทางวิชาการ . มหาวิทยาลัยอังกฤษ . วิธีการศึกษาต่อในอังกฤษ

คู่มือสมบูรณ์เกี่ยวกับโรงเรียนแพทย์ในสหราชอาณาจักร

1. หลักสูตรปริญญาตรีแพทยศาสตร์ในสหราชอาณาจักรคืออะไร? ในสหราชอาณาจักรดีกรีแพทยศาสตรบัณฑิตและศัลยศาสตรบัณฑิต หรือ แพทยศาสตรบัณฑิตแบบสหราชอาณาจักร (Bachelor of Medicine and Bachelor of Surgery) เรียกย่อว่า MBBS, BMBS หรือ MBChB) เป็นปริญญาตรีทางการแพทย์ซึ่งมอบให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาเพื่อเป็นแพทย์ฝึกหัดในสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับการออกแบบหลักสูตรของสถาบันการศึกษาทางการแพทย์ต่าง ๆ ในสหราชอาณาจักร ชื่อปริญญาอาจแตกต่างกันไปดังนี้: ในสหราชอาณาจักรหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตส่วนใหญ่จะใช้เวลาศึกษา 5 ปี   ยกเว้นสถาบันการแพทย์บางสถาบันที่ใช้ระยะเวลา 6 ปี (เช่น กลุ่มมหาวิทยาลัยG5  University of Cambridge, University of Oxford, Imperial College London เป็นต้น หรือสถาบันการแพทย์ในสก็อตต์แลนด์เช่น the University of Edinburgh และอื่น ๆ) หลักสูตรของโรงเรียนแพทยศาสตร์ในสหราชอาณาจักรถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ตามแบบการสอนที่ว่า "การเรียนรู้จากพื้นฐานมาก่อน ส่วนการปฏิบัติในภายหลัง" ในโปรแกรมปริญญาตรีด้านการแพทย์ที่มีระยะเวลา 5-6 ปี ปีแรก 2-3 ปีเป็น "ภาคของทฤษฎี" ที่นักศึกษาได้รับการสอนความรู้พื้นฐานเช่น วิทยาศาสตร์ชีววิทยา กายวิภาคศาสตร์ เภสัชวิทยา และภาษาศาสตร์ทางการแพทย์ผ่านการบรรยายและการสอนแบบกลุ่มเล็ก นอกจากนี้ยังจัดให้นักศึกษาเข้าชมหอผู้ป่วยในโรงพยาบาลใกล้เคียงและห้องฉุกเฉินเพื่อเพิ่มความเข้าใจเบื้องต้นในการดำเนินงานประจำวันของโรงพยาบาล ตั้งแต่ชั้นปีที่ 3 หรือ 4 นักเรียนจะได้รับการเรียนรู้หลักสูตรทฤษฎีการแพทย์ขั้นสูง เรียนรู้.ในหลากหลายวิชา เช่น พยาธิวิทยา โลหิตวิทยา และเภสัชวิทยาคลินิก นอกเหนือจากการสอนเฉพาะทางแล้ว นักเรียนยังเริ่มมีส่วนร่วมในการอภิปรายกรณีทางคลินิกและได้รับมอบหมายให้ฝึกงานทางการแพทย์ระยะสั้นในโรงพยาบาล ทำให้เข้าใจถึงหน้าที่และงานประจำวันของแพทย์ รวมถึงการตรวจสอบผู้ป่วย, ตรวจสอบประวัติการรักษา, สั่งยา, ดำเนินการตรวจวินิจฉัย, อธิบายและอธิบายแผนการรักษากับผู้ป่วย, บันทึกข้อมูลทางการแพทย์และประวัติผู้ป่วย, และส่งผู้ป่วยไปยังแพทย์เฉพาะทางอื่นเพื่อการวินิจฉัยหรือการรักษาเพิ่มเติมตามความจำเป็น นักศึกษาแพทย์ในสหราชอาณาจักรจะค่อยๆ เพิ่มเวลาในการฝึกงานในโรงพยาบาล  ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาการเรียนรู้เฉพาะทางในวิทยาเขตเป็นเวลา 5-10 สัปดาห์   (ขึ้นอยู่กับหลักสูตรที่ถูกออกแบบของโรงเรียนแพทย์ในแต่ละที่) สุดท้ายนี้ นอกเหนือจากการจัดให้มีการฝึกงานในโรงพยาบาลสำหรับนักศึกษาแล้ว โรงเรียนแพทย์ยังจัดให้มีหลักสูตรเตรียมความพร้อมสำหรับนักศึกษาที่ตั้งใจจะลงทะเบียนและฝึกงานในสหราชอาณาจักรอีกด้วย 2. ข้อกำหนดการเข้าศึกษาต่อสำหรับปริญญาตรีในสาขาแพทยศาสตร์ในสหราชอาณาจักรมีอะไรบ้าง นักศึกษาที่ต้องการสมัครเรียนระดับปริญญาตรีสาขาการแพทย์ในสหราชอาณาจักร สามารถทำได้ผ่านระบบการรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรที่เรียกว่า UCAS หรือโดยการสมัครโดยตรง  นอกจากนี้นักศึกษาจะต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ดังต่อไปนี้ ความสามารถด้านวิชาการ เพื่อสมัครเข้าเรียนในสถาบันการแพทย์ในสหราชอาณาจักร เกรดที่คาดการณ์ได้จะต้องตรงตามความต้องการพื้นฐานต่อไปนี้: A-Level AAA (Including Biology and Chemistry) IB 36 points or above GCSE 5-6 GCSE subjects archived 6-9 การสอบเข้า ในการสมัครเข้าเรียนระดับปริญญาตรีสาขาการแพทย์ในสหราชอาณาจักร        โรงเรียนแพทย์เกือบทุกแห่งกำหนดให้นักศึกษาต้องสอบข้อสอบทางการแพทย์ล่วงหน้า สำหรับการเข้าเรียนโดยตรงในปีแรกของหลักสูตรปริญญาตรีสาขาการแพทย์ โรงเรียนแพทย์ในสหราชอาณาจักรจะใช้การสอบหลักสองรายการ ได้แก่ UCAT หรือ BMAT เป็นการประเมินที่สำคัญสำหรับการสมัครเข้าโรงเรียนแพทย์ UCAT และ BMAT สามารถสอบได้เพียงครั้งเดียวต่อปี และคะแนนสามารถใช้ได้เพียงหนึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นหากคุณต้องการสมัครเข้าศึกษาในสถาบันการแพทย์ที่กำหนดในสหราชอาณาจักร จำเป็นต้องเข้าใจรูปแบบของข้อสอบล่วงหน้าและเตรียมตัวให้พร้อม UCAT(The University Clinical Aptitude Test) UCAT เป็นการสอบโดยใช้คอมพิวเตอร์และถูกออกแบบมาเพื่อประเมินความสามารถในการคิดอย่างมีเหตุผลทางภาษา คณิตศาสตร์ และความคิดสร้างสรรค์แบบนามธรรม รวมถึงการตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นการทดสอบความสามารถที่โรงเรียนแพทย์ส่วนใหญ่ในสหราชอาณาจักรกำหนดขึ้นสำหรับผู้สมัคร การลงทะเบียนสำหรับ UCAT เปิดในช่วงต้นเดือนมิถุนายนของทุกปี และช่วงเวลาสอบเริ่มต้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนตุลาคม การสอบประกอบด้วยส่วนทั้งหมด 5 ส่วน: (1) Verbal Reasoning เป็นการทดสอบทักษะการคิดวิเคราะห์และการให้เหตุผล, (2) Decision Making เป็นการทดสอบทักษะการตัดสินใจ และการใช้วิจารณญาณจากข้อมูลที่ซับซ้อน, (3) Quantitative Reasoning เป็นการทดสอบความสามารถในการใช้เหตุผลเชิงปริมาณ เกี่ยวกับทักษะคณิตศาสตร์ (4) Abstract Reasoning เป็นการทดสอบความสามารถด้านการใช้เหตุผลเชิงนามธรรม ความสัมพันธ์ของข้อมูลต่างๆ และ (5) Situational Judgement เป็นการทดสอบทักษะการตัดสินใจในสถานการณ์ความเป็นจริง และความเข้าใจในจริยธรรมทางการแพทย์ 22 […]
18 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
มหาวิทยาลัยอังกฤษ . วิธีการศึกษาต่อในอังกฤษ

[ปริญญาโทในสหราชอาณาจักร] คู่มือการศึกษาต่อในระดับปริญญาโทฉบับสมบูรณ์

หลักสูตรปริญญาโทในสหราชอาณาจักรเป็นที่ต้องการของคนไทยมาโดยตลอดเหตุผลก็คือหลักสูตรปริญญาโทในท้องถิ่นได้รับการยอมรับทั่วโลก และหลักสูตรส่วนใหญ่สามารถเรียนจบได้ภายใน 12 เดือน เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่พูดภาษาอังกฤษทั่วไป หลักสูตรปริญญาโทแตกต่างจากหลักสูตรระดับปริญญาตรีตรงที่ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของนักศึกษาที่มีทฤษฎีทางวิชาการในระดับหนึ่ง พวกเขาจะต้องวิเคราะห์และโต้เถียงในหัวข้อที่ซับซ้อนต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นต้องมีการคิดอย่างอิสระและความสามารถในการวิเคราะห์เถียงในหัวข้อที่ซับซ้อนต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นต้องมีการคิดอย่างอิสระและความสามารถในการวิเคราะห์ Vincent Tang ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ LINKEDU แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีการตัดสินใจที่เหมาะสมโดยพิจารณาจากการพัฒนาอาชีพ ข้อกำหนดคุณสมบัติทางวิชาชีพ และความสนใจส่วนบุคคล ก่อนที่จะพิจารณาสมัครปริญญาโท ด้วยวิธีนี้เราจึงสามารถตระหนักถึงคุณค่าของหลักสูตรปริญญาโทได้อย่างแท้จริง แนวทางการเลือกหลักสูตรปริญญาโทในสหราชอาณาจักร ก่อนที่จะตัดสินใจลงทะเบียนเรียนในหลักสูตรปริญญาโท นักศึกษาต้องพิจารณาว่าเหตุใดจึงต้องเรียนต่อในระดับปริญญาโท จากคำถามนี้ การตัดสินใจอาจเป็นไปตามปัจจัยหลัก 3 ประการ: 1. การต่อยอดความเชี่ยวชาญในสาขาเดียวกัน: นักศึกษาอาจมีความสนใจอย่างมากในเนื้อหาหลักสูตรปริญญาตรีปัจจุบันของตน หรือตั้งใจที่จะทำงานในสาขาที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งหวังที่จะมีคุณสมบัติที่สูงขึ้น โปรแกรมปริญญาโทที่เลือก แม้ว่าโดยทั่วไปจะคล้ายกับสาขาของหลักสูตรก่อนหน้า แต่จะเจาะลึกลงไปในเนื้อหาวิชาหรือเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์และการประยุกต์ใช้สหวิทยาการ 2. ปฏิบัติตามข้อกำหนดคุณสมบัติทางวิชาชีพ: ในบางอุตสาหกรรม นักศึกษาอาจต้องสำเร็จหลักสูตรปริญญาโทเพื่อให้ได้รับการยอมรับทางวิชาการสำหรับคุณวุฒิทางวิชาชีพ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักศึกษาจำนวนมากที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องได้เปลี่ยนมาเรียนหลักสูตรปริญญาโทในสาขาของตน เพื่อใช้ประโยชน์จากผลการเรียนระดับปริญญาตรีที่ยอดเยี่ยม หลักสูตรปริญญาโทเฉพาะทาง รวมถึงชั่วโมงการฝึกงานที่จำเป็น โดยทั่วไปจะใช้เวลาหนึ่งปีครึ่งถึงสองปีจึงจะสำเร็จ 3.  การเปลี่ยนไปสู่อุตสาหกรรมอื่น: โดยทั่วไปในหมู่มืออาชีพที่ทำงานมาหลายปี บุคคลอาจกำลังพิจารณาการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ด้วยหลักสูตรปริญญาโทที่สั้นกว่า พวกเขาสามารถเพิ่มพูนความรู้ในสาขาใหม่ ทำให้เป็นทางลัดสำหรับการเปลี่ยนอาชีพ ไม่ว่าเหตุผลในการเรียนหลักสูตรปริญญาโทจะเป็นอย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องให้นักศึกษาเข้าใจเป้าหมายด้านอาชีพและการพัฒนาของตนเอง ความเข้าใจนี้จะชี้แนะในการเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการของพวกเขา เอกสารการสมัครสำหรับปริญญาโทในสหราชอาณาจักร สำหรับหลักสูตรปริญญาโทของสหราชอาณาจักรส่วนใหญ่ นักศึกษาจะต้องสมัครออนไลน์กับมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น เอกสารและข้อมูลที่จำเป็น ได้แก่ รายละเอียดส่วนบุคคลทั่วไป สำเนาหนังสือเดินทาง และใบรับรองการศึกษา เอกสารต่อไปนี้มีบทบาทสำคัญในการสมัครของอาจารย์ทั้งหมด: 1.  ประสบการณ์ส่วนตัว: สิ่งนี้ควรเน้นถึงประสบการณ์ทางวิชาการและการทำงานของนักเรียนที่มีส่วนช่วยให้เหมาะสมกับหลักสูตรปริญญาโท นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังสนใจที่จะทำความเข้าใจว่าแผนการหลังปริญญาโทของผู้สมัครสอดคล้องกับการพัฒนาอาชีพในอนาคตอย่างไรซึ่งทำให้คำชี้แจงส่วนตัวเป็นส่วนสำคัญของการสมัคร 2. ประวัติย่อ (CV): CV ที่กระชับหน้าเดียวไม่ควรมีเพียงข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงประสบการณ์และความรับผิดชอบในการทำงานของผู้สมัครอย่างเป็นระบบด้วย สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาล่าสุด แนะนำให้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับงานภาคฤดูร้อนหรือการฝึกงานด้วย 3. จดหมายแนะนำ: หลักสูตรปริญญาโทส่วนใหญ่จำเป็นต้องมีจดหมายแนะนำสองฉบับ โดยหนึ่งฉบับมักจะมาจากหัวหน้างานด้านวิชาการ สำหรับบุคคลที่มีประสบการณ์การทำงานหลายปี หัวหน้างานของบริษัทหรือผู้บังคับบัญชาสามารถเขียนจดหมายแนะนำได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของโปรแกรม หลังจากรวบรวมและส่งเอกสารเหล่านี้ทางออนไลน์ โดยทั่วไปมหาวิทยาลัยจะใช้เวลาหนึ่งถึงสองเดือนในการตรวจสอบและออกข้อเสนอการรับเข้าเรียน ในช่วงเวลานี้ นักเรียนยังสามารถลงทะเบียนสอบ IELTS - การทดสอบเชิงวิชาการได้ หลักสูตรปริญญาโทส่วนใหญ่ต้องการคะแนนรวมขั้นต่ำ 7.0 และคะแนนขั้นต่ำ 6.5 ในแต่ละส่วน ขอแนะนำให้นักเรียนทำแบบทดสอบ IELTS ออนไลน์ผ่านทางบริติช เคานซิล หลักสูตรปริญญาโทยอดนิยมในสหราชอาณาจักร ในการเปิดสอนหลักสูตรปริญญาโท นักศึกษาส่วนใหญ่มักจะมุ่งเน้นไปที่วิชาหลักยอดนิยม เช่น ธุรกิจ การตลาด และวิศวกรรมศาสตร์ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สาขาต่างๆ เช่น วิทยาศาสตร์สุขภาพและสังคมศาสตร์ ได้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับหลักสูตรปริญญาโทเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีวิชาใหม่ๆ เกิดขึ้น โดยผสมผสานเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ากับสาขาวิชายอดนิยมเหล่านี้เพื่อสร้างสาขาวิชาการใหม่ๆ ด้านล่างนี้เป็นวิชาทั่วไปสำหรับการลงทะเบียน: 1. หมวดธุรกิจ     - การจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ     - การตลาด     - เศรษฐศาสตร์ นักเรียนจำนวนมากซึ่งมักจะมีพื้นฐานทางวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ลงทะเบียนเรียนในหลักสูตรเหล่านี้ ด้วยการเพิ่มขึ้นของข้อมูลขนาดใหญ่ วิชาเกิดใหม่บางวิชา เช่น การวิเคราะห์ธุรกิจ และคณิตศาสตร์ทางการเงิน ก็ได้รับความนิยม โรงเรียนธุรกิจยอดนิยมในสหราชอาณาจักร: 2. สังคมศาสตร์ สังคมศาสตร์ถือเป็นศูนย์รวมการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสังคมและการพัฒนามนุษย์อย่างแท้จริง วิชาในหมวดหมู่นี้ได้รับประโยชน์จากความสนใจที่เพิ่มขึ้นในด้านกิจการสังคมและการพัฒนามนุษย์ โดยได้ขยายจากหัวข้อมหภาค เช่น สังคมวิทยาและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไปสู่การศึกษาที่เหมาะสมยิ่งขึ้น ตัวอย่าง ได้แก่ เพศศึกษาและพิพิธภัณฑ์ศึกษา ผู้สมัครมาจากภูมิหลังทางวิชาการที่หลากหลาย โดยส่วนใหญ่เลือกที่จะเรียนหลักสูตรเหล่านี้ตามความชอบและความสนใจส่วนบุคคล มหาวิทยาลัยยอดนิยมด้านสังคมศาสตร์ในสหราชอาณาจักร: ไม่ว่านักศึกษาจะมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาตนเอง หรือปรารถนาที่จะก้าวหน้าในสายอาชีพของตนผ่านหลักสูตรปริญญาโท หรือแสวงหาการเปลี่ยนแปลงสู่อุตสาหกรรมอื่น หลักสูตรดังกล่าวสามารถพัฒนาทักษะการวิเคราะห์และการแยกแยะได้ พวกเขาจัดเตรียมนักศึกษาให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเชิงเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมต่างๆ ก่อนที่จะลงทะเบียนเรียนในหลักสูตรปริญญาโท การพิจารณาทิศทางการพัฒนาในอนาคตอย่างรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญ การค้นหาสถาบันการศึกษาที่มีประเพณีการศึกษาที่แข็งแกร่งในสาขาที่เกี่ยวข้องทำให้มั่นใจได้ว่าเวลาและความพยายามที่ลงทุนไปจะให้ผลลัพธ์ที่มีคุณค่า ค่าใช้จ่ายสำหรับหลักสูตรปริญญาโทในสหราชอาณาจักร:
2 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
ตัวช่วยสำหรับคนที่อยากเข้ามหาวิทยาลัยในฝัน . มหาวิทยาลัยอังกฤษ . วิธีการศึกษาต่อในอังกฤษ

โปรแกรมปรับพื้นฐานเตรียมความพร้อมก่อนเข้ามหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร】คู่มือสมบูรณ์ ปี 2023

那麼,究竟什麼是Foundation?它和傳統的高中課程有什麼區別?為什麼讀Foundation可以升上英國大學?接下來這篇文章雖然會花你少少時間,但保證你在閱讀完之後,你會更加了解有關大學基礎課班(Foundation)的秘密。
14 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
ค่ายฤดูร้อนในสหราชอาณาจักร

[ทัวร์ศึกษาต่อต่างประเทศในสหราชอาณาจักร] คู่มือสำหรับค่ายฤดูร้อนในสหราชอาณาจักรประจำปี 2023 - โดยร่วม 6 รูปแบบที่จะช่วยให้คุณเลือกแนวทางการศึกษาต่อต่างประเทศได้อย่างเหมาะสม

การค้นหาค่ายฤดูร้อนที่เหมาะสมสำหรับกิจกรรมวันหยุดของบุตรหลานของคุณอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย คุณรู้สึกหนักใจในขณะที่ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับค่ายฤดูร้อนในสหราชอาณาจักรหรือไม่ ข้อมูลอาจไม่กระจุกตัวเพียงพอ ทำให้กระบวนการคัดเลือกดูน่ากังวล คุณจะเลือกทัวร์ศึกษาต่อต่างประเทศที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาได้อย่างไร เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทัวร์ศึกษาต่อในสหราชอาณาจักร 6 ประเภทที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด เพื่อทำให้กระบวนการง่ายขึ้นสำหรับคุณ เป้าหมายของเราคือการนำเสนอภาพรวมโดยย่อของโปรแกรมที่ร้อนแรงที่สุด โดยให้รายละเอียดที่ครอบคลุมแก่คุณ ซึ่งรวมถึงการแนะนำโรงเรียน ข้อเสนอหลักสูตร ค่าเล่าเรียน รายละเอียดที่พัก ตารางเวลา เคล็ดลับเที่ยวบิน การเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง และรายการสิ่งของที่ขาดไม่ได้! สำรวจประเภทของทัวร์ศึกษาต่อต่างประเทศในสหราชอาณาจักร ทัวร์ศึกษาต่อในสหราชอาณาจักรสามารถแบ่งกว้าง ๆ ได้เป็น 3 รูปแบบหลัก:1. จัดทัวร์และอำนวยความสะดวกโดยตรงจากโรงเรียนประจำ2. โปรแกรมที่ดำเนินการโดยสถาบันการศึกษาที่เช่าสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงเรียนเพื่อจุดประสงค์นี้3. จัดทัวร์ท้องถิ่นโดยอำนวยความสะดวกโดยหน่วยงานในภูมิภาค โดยทั่วไป ฉันขอแนะนำให้ผู้ปกครองพิจารณาทัวร์ศึกษาต่อต่างประเทศประเภทแรกหรือประเภทที่สอง เนื่องจากจะช่วยปลูกฝังวินัยและความเป็นอิสระของนักเรียน สอนให้พวกเขาพึ่งพาตนเองและให้โอกาสในการสื่อสารกับนักเรียนจากหลากหลายเชื้อชาติ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความสามารถทางภาษาอังกฤษ ต่อไปนี้ฉันจะแนะนำประเภททัวร์ศึกษาต่อต่างประเทศที่ได้รับความนิยมสูงสุด 6 ประเภท รวมถึงลักษณะเฉพาะและผู้เข้าร่วมที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากความนิยมในหมู่ผู้ปกครองและนักเรียน สำรวจทัวร์ศึกษาต่อต่างประเทศ 6 ประเภทหลัก: ภาพรวมและคุณลักษณะเฉพาะ a. ประสบการณ์ในโรงเรียนประจำ ลักษณะเฉพาะ: รูปแบบชั้นเรียน: ที่พัก: อายุผู้เข้าร่วมที่เหมาะสม: ข้อแนะนำของโรงเรียนสำหรับค่ายประสบการณ์โรงเรียนประจำ: b. ประสบการณ์มหาวิทยาลัย ลักษณะเฉพาะ: รูปแบบชั้นเรียน: ที่พัก: อายุผู้เข้าร่วมที่เหมาะสม: มหาวิทยาลัยที่แนะนำสำหรับค่ายประสบการณ์มหาวิทยาลัย: c. ประสบการณ์การฝึกอบรมทางวิชาการเฉพาะทาง ลักษณะเฉพาะ: รูปแบบชั้นเรียน: ที่พัก: อายุผู้เข้าร่วมที่เหมาะสม: โรงเรียนที่แนะนำสำหรับการฝึกอบรมทางวิชาการเฉพาะทาง: d. การฝึกกีฬา ลักษณะเฉพาะ: รูปแบบชั้นเรียน: ที่พัก: อายุผู้เข้าร่วมที่เหมาะสม: โรงเรียนแนะนำสำหรับค่ายฝึกฟุตบอล: e. ประสบการณ์ศิลปะ ลักษณะเฉพาะ: รูปแบบชั้นเรียน: ที่พัก: อายุผู้เข้าร่วมที่เหมาะสม: โรงเรียนแนะนำสำหรับค่ายศิลปะและการละคร: f. ใกล้ลอนดอน ลอนดอนตั้งอยู่ในใจกลางอันมีชีวิตชีวาของสหราชอาณาจักร โดยเป็นเมืองสัญลักษณ์ที่มีสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียง เช่น ลอนดอนอาย บิ๊กเบน พิพิธภัณฑ์อังกฤษ สะพานลอนดอน และพระราชวังบัคกิงแฮม สิ่งนี้ทำให้ลอนดอนเป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นที่ต้องการสำหรับผู้ปกครองและนักเรียนที่เริ่มต้นการเดินทางสู่สหราชอาณาจักรเป็นครั้งแรก เมืองนี้มีระบบการคมนาคมที่ได้รับการพัฒนาอย่างดีและสะดวกสบาย นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่รับประกันประสบการณ์แบบไดนามิกและสมบูรณ์ ผู้ปกครองหลายคนเลือกโรงเรียนใกล้ลอนดอนเพื่อให้บุตรหลานเข้าร่วมทัศนศึกษา โรงเรียนเหล่านี้ตั้งอยู่ใกล้กับลอนดอน ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากความสะดวกในการเดินทาง แม้แต่ในระหว่างการทัศนศึกษา จุดมุ่งหมายก็ยังคงมุ่งเน้นไปที่ลอนดอนและพื้นที่โดยรอบเป็นส่วนใหญ่ โดยจะใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมง ทำให้มั่นใจว่านักเรียนจะไปถึงจุดหมายปลายทางได้โดยปราศจากความยุ่งยาก ข้อดีอีกประการหนึ่งคือหากผู้ปกครองพาบุตรหลานไปอังกฤษ พวกเขาสามารถสำรวจลอนดอนต่อไปได้ในขณะที่นักเรียนกำลังยุ่งอยู่กับการทัศนศึกษา คำแนะนำของโรงเรียนใกล้ลอนดอนสำหรับทัวร์ศึกษา: หลังจากอ่านตัวเลือกทัวร์ศึกษาที่แนะนำตามที่ระบุไว้ข้างต้นแล้ว ลองพิจารณาดูแลประสบการณ์ฤดูร้อนที่เติมเต็มให้กับลูกๆ ของคุณโดยจัดทัวร์ศึกษาดูงานที่น่าจดจำ! คำถามที่พบบ่อยสำหรับทัวร์ศึกษาภาคฤดูร้อนในสหราชอาณาจักร ขั้นตอนที่หนึ่ง: การรวบรวมข้อมูล 1. ภูมิภาคยอดนิยมสำหรับทัศนศึกษาภาคฤดูร้อนในสหราชอาณาจักรอยู่ที่ใด 2. ผู้ปกครองควรเลือกทัศนศึกษาให้บุตรหลานอย่างไร 3. ผู้ปกครองสามารถติดตามบุตรหลานได้มั้ย 4. นักศึกษาทัศนศึกษามีอัตราส่วนสัญชาติเท่าใด 5. ขั้นตอนการสมัครและระยะเวลาในการเข้าค่ายเป็นอย่างไร กุมภาพันธ์-มีนาคม เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง (หนังสือเดินทางของเด็กและรูปถ่ายนักเรียน) มีนาคม-พฤษภาคม ส่งใบสมัคร > ชำระค่าธรรมเนียมการจอง > หนังสือยืนยันโรงเรียน เมษายน ซื้อตั๋วเครื่องบิน พฤษภาคมมิถุนายน เข้าร่วมการบรรยายสรุปก่อนออกเดินทางซึ่งจัดโดย LINKEDU มิถุนายน จัดเตรียมเอกสารและสิ่งของก่อนออกเดินทาง กรกฎาคม การออกเดินทาง 6. กำหนดเวลาในการสมัครทัศนศึกษาคือเมื่อใด 7.  มีข้อกำหนดด้านความรู้ภาษาอังกฤษเฉพาะสำหรับโปรแกรมทัศนศึกษาหรือไม่ 8. ค่าธรรมเนียมโปรแกรมรวมอะไรบ้าง 9. มีใบรับรองเมื่อจบหลักสูตรหรือไม่ ขั้นตอนที่สอง: หลังจากส่งใบสมัครหลักสูตรแล้ว 1. จำเป็นต้องมีวีซ่าสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางฮ่องกง 2.  ผู้ปกครองควรจัดตั๋วเครื่องบินให้บุตรหลานอย่างไร การเดินทางระหว่างฮ่องกงและสหราชอาณาจักรจะอำนวยความสะดวกผ่านสนามบินหลักสองแห่งเป็นหลัก ได้แก่ สนามบินลอนดอนฮีทโธรว์และสนามบินนานาชาติแมนเชสเตอร์ สายการบินต่างๆ มีเที่ยวบินตรงหรือต่อเครื่องไปยังจุดหมายปลายทางเหล่านี้ ผู้ปกครองของผู้เข้าร่วมทัวร์ศึกษามักนิยมซื้อตั๋วเที่ยวบินตรงให้กับบุตรหลานเนื่องจากความสะดวก ตั๋วเที่ยวบินตรงไปกลับสำหรับระยะเวลาสองสัปดาห์โดยปกติจะอยู่ในช่วงตั้งแต่ HKD 10,000 ถึง HKD 15,000 3. สายการบินจะให้ความช่วยเหลือหรือไม่หากเด็กเล็กบินคนเดียว เด็กอายุ 6 ปี - เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กแห่งสหราชอาณาจักร จะต้องสมัครใช้บริการผู้เยาว์ที่เดินทางโดยลำพัง (เรียกโดยย่อว่า "บริการ UM") เมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินสำหรับเด็กอายุระหว่าง 6 ถึง 12 ปี บริการ UM ซึ่งให้บริการโดยเจ้าหน้าที่สายการบินที่สนามบิน ให้การดูแลที่ครอบคลุม รวมถึงการดูแลและช่วยเหลือเด็กในระหว่างกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง การขึ้นเครื่อง และการเปลี่ยนเครื่อง เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง เจ้าหน้าที่จะได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบตัวตนของผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ไปรับเด็ก […]
6 min read
AdrianLINKEDU ผู้ก่อตั้ง
กลยุทธ์การเลือกหลักสูตร . มหาวิทยาลัยอังกฤษ

ที่มาของผู้ทรงอิทธิพลต่อสื่อ! พวกเขาทำมันได้อย่างไร

ในสังคมที่ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทุกวันนี้ ทุกคนมีสมาร์ทโฟนก็สามารถเป็นผู้กำกับได้ แต่ทุกคนจะเป็นผู้กำกับได้จริงหรือ? และทุกคนที่แสดงความคิดเห็นทางออนไลน์จะถือว่าเป็นนักรบคีย์บอร์ดหรือมืออาชีพด้านสื่อได้หรือไม่? หลังจบการศึกษา แอนเดรสเดินตามความฝันในการกำกับโดยลงเรียนหลักสูตร Media Foundation เมื่อเร็ว ๆ นี้ Andres ได้แบ่งปันประสบการณ์ของเขาในระหว่างหลักสูตร Foundation สื่อเป็นเพียงการเรียนรู้การสร้างภาพยนตร์หรือไม่? Andres พบว่าภาคการศึกษาแรกน่าสนใจมากขึ้น โดยเน้นไปที่การแนะนำตัวและการสอนการผลิตวิดีโอเป็นหลัก ในภาคเรียนที่ 2 พวกเขาย้ายออกจากสตูดิโอและสนใจหนังสือและตำรา เรียนภาพยนตร์และสื่อสารมวลชน รายวิชานี้ต้องใช้การเขียนและการวิเคราะห์จำนวนมาก ซึ่งสร้างความกดดันมากกว่าเมื่อเทียบกับภาคการศึกษาแรก อย่างไรก็ตาม ทักษะเหล่านี้จำเป็นสำหรับมืออาชีพด้านสื่อ ทฤษฎีและปฏิบัติ แม้ว่าหลักสูตรภาคทฤษฎีจะท้าทายกว่า แต่โรงเรียนก็มอบโอกาสที่น่าตื่นเต้นมากมายให้นักเรียนได้นำทฤษฎีไปปฏิบัติจริง เช่นในภาคเรียนที่ 1 มีโอกาสได้ร่วมงานกับนักเรียนจากโรงเรียนดนตรีเพื่อถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ ในภาคเรียนที่ 2 มีโอกาสทำงานกับองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมในเมือง Brighton โดยช่วยงานโฆษณาของพวกเขา โอกาสเหล่านี้ทั้งน่าสนใจและใช้งานได้จริง "บล็อกของฉันคืองานของฉัน" Media Foundation มีการสอบค่อนข้างน้อย และโรงเรียนส่วนใหญ่ประเมินนักเรียนผ่านหลักสูตร นักเรียนต้องอัปเดตบล็อกของตนอยู่เสมอ เนื่องจากบล็อกทำหน้าที่เป็นบทเรียน เนื่องจากสื่อออนไลน์กลายเป็นกระแสหลักมากขึ้น นักเรียนที่อัปเดตบล็อกจึงเปรียบเสมือนการทำงานประจำวันของผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อ สิ่งอำนวยความสะดวกของโรงเรียนที่ทันสมัย ห้องเรียนที่แตกต่างกันได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับวิชาต่างๆ ทำให้นักเรียนสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ระดับมืออาชีพต่างๆ นอกจากนี้ยังมีคอมพิวเตอร์ Apple เฉพาะสำหรับนักเรียน รองรับการสมัคร UCAS นักเรียนแต่ละคนมีอาจารย์เฉพาะที่รับผิดชอบการสมัคร UCAS ของพวกเขา ครูจะช่วยนักเรียนในการทบทวนเอกสารประกอบการสมัครและคำชี้แจงส่วนตัว เกี่ยวกับการเลือกมหาวิทยาลัย Andres จะปรึกษาอาจารย์ประจำวิชาเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกและโอกาสทางอาชีพในมหาวิทยาลัยต่างๆ เนื่องจาก Andres เรียนอยู่ชั้นปีที่ 1 ในสหราชอาณาจักร เขามีความรู้เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรค่อนข้างจำกัด ดังนั้นคำแนะนำจากอาจารย์จึงเป็นประโยชน์อย่างมาก นอกจากครูในโรงเรียนแล้ว Andres ยังติดต่อกับที่ปรึกษาด้านการศึกษาของ LinkedU เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลือกการศึกษาต่อ
1 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
ค่ายฤดูร้อนในสหราชอาณาจักร

[ทัวร์ศึกษาต่อต่างประเทศในสหราชอาณาจักร] คู่มือสำหรับค่ายฤดูร้อนในสหราชอาณาจักรประจำปี 2023 - โดยร่วม 6 รูปแบบที่จะช่วยให้คุณเลือกแนวทางการศึกษาต่อต่างประเทศได้อย่างเหมาะสม

การค้นหาค่ายฤดูร้อนที่เหมาะสมสำหรับกิจกรรมวันหยุดของบุตรหลานของคุณอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย คุณรู้สึกหนักใจในขณะที่ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับค่ายฤดูร้อนในสหราชอาณาจักรหรือไม่ ข้อมูลอาจไม่กระจุกตัวเพียงพอ ทำให้กระบวนการคัดเลือกดูน่ากังวล คุณจะเลือกทัวร์ศึกษาต่อต่างประเทศที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาได้อย่างไร เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทัวร์ศึกษาต่อในสหราชอาณาจักร 6 ประเภทที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด เพื่อทำให้กระบวนการง่ายขึ้นสำหรับคุณ เป้าหมายของเราคือการนำเสนอภาพรวมโดยย่อของโปรแกรมที่ร้อนแรงที่สุด โดยให้รายละเอียดที่ครอบคลุมแก่คุณ ซึ่งรวมถึงการแนะนำโรงเรียน ข้อเสนอหลักสูตร ค่าเล่าเรียน รายละเอียดที่พัก ตารางเวลา เคล็ดลับเที่ยวบิน การเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง และรายการสิ่งของที่ขาดไม่ได้! 下載《英國暑期遊學團攻略》 * indicates required 名字 姓氏 * 聯絡電話 * 電郵地址 * สำรวจประเภทของทัวร์ศึกษาต่อต่างประเทศในสหราชอาณาจักร ทัวร์ศึกษาต่อในสหราชอาณาจักรสามารถแบ่งกว้าง ๆ ได้เป็น 3 รูปแบบหลัก:1. จัดทัวร์และอำนวยความสะดวกโดยตรงจากโรงเรียนประจำ2. โปรแกรมที่ดำเนินการโดยสถาบันการศึกษาที่เช่าสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงเรียนเพื่อจุดประสงค์นี้3. จัดทัวร์ท้องถิ่นโดยอำนวยความสะดวกโดยหน่วยงานในภูมิภาค โดยทั่วไป ฉันขอแนะนำให้ผู้ปกครองพิจารณาทัวร์ศึกษาต่อต่างประเทศประเภทแรกหรือประเภทที่สอง เนื่องจากจะช่วยปลูกฝังวินัยและความเป็นอิสระของนักเรียน สอนให้พวกเขาพึ่งพาตนเองและให้โอกาสในการสื่อสารกับนักเรียนจากหลากหลายเชื้อชาติ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความสามารถทางภาษาอังกฤษ ต่อไปนี้ฉันจะแนะนำประเภททัวร์ศึกษาต่อต่างประเทศที่ได้รับความนิยมสูงสุด 6 ประเภท รวมถึงลักษณะเฉพาะและผู้เข้าร่วมที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากความนิยมในหมู่ผู้ปกครองและนักเรียน สำรวจทัวร์ศึกษาต่อต่างประเทศ 6 ประเภทหลัก: ภาพรวมและคุณลักษณะเฉพาะ a. ประสบการณ์ในโรงเรียนประจำ ลักษณะเฉพาะ: รูปแบบชั้นเรียน: ที่พัก: อายุผู้เข้าร่วมที่เหมาะสม: ข้อแนะนำของโรงเรียนสำหรับค่ายประสบการณ์โรงเรียนประจำ: b. ประสบการณ์มหาวิทยาลัย ลักษณะเฉพาะ: รูปแบบชั้นเรียน: ที่พัก: อายุผู้เข้าร่วมที่เหมาะสม: มหาวิทยาลัยที่แนะนำสำหรับค่ายประสบการณ์มหาวิทยาลัย: c.  ประสบการณ์การฝึกอบรมทางวิชาการเฉพาะทาง ลักษณะเฉพาะ: รูปแบบชั้นเรียน: ที่พัก: อายุผู้เข้าร่วมที่เหมาะสม: โรงเรียนที่แนะนำสำหรับการฝึกอบรมทางวิชาการเฉพาะทาง: d. การฝึกกีฬา ลักษณะเฉพาะ: รูปแบบชั้นเรียน: ที่พัก: อายุผู้เข้าร่วมที่เหมาะสม: โรงเรียนแนะนำสำหรับค่ายฝึกฟุตบอล: e. ประสบการณ์ศิลปะ ลักษณะเฉพาะ: รูปแบบชั้นเรียน: ที่พัก: อายุผู้เข้าร่วมที่เหมาะสม: โรงเรียนแนะนำสำหรับค่ายศิลปะและการละคร: f. ใกล้ลอนดอน ลอนดอนตั้งอยู่ในใจกลางอันมีชีวิตชีวาของสหราชอาณาจักร โดยเป็นเมืองสัญลักษณ์ที่มีสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียง เช่น ลอนดอนอาย บิ๊กเบน พิพิธภัณฑ์อังกฤษ สะพานลอนดอน และพระราชวังบัคกิงแฮม สิ่งนี้ทำให้ลอนดอนเป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นที่ต้องการสำหรับผู้ปกครองและนักเรียนที่เริ่มต้นการเดินทางสู่สหราชอาณาจักรเป็นครั้งแรก เมืองนี้มีระบบการคมนาคมที่ได้รับการพัฒนาอย่างดีและสะดวกสบาย นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่รับประกันประสบการณ์แบบไดนามิกและสมบูรณ์ ผู้ปกครองหลายคนเลือกโรงเรียนใกล้ลอนดอนเพื่อให้บุตรหลานเข้าร่วมทัศนศึกษา โรงเรียนเหล่านี้ตั้งอยู่ใกล้กับลอนดอน ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากความสะดวกในการเดินทาง แม้แต่ในระหว่างการทัศนศึกษา จุดมุ่งหมายก็ยังคงมุ่งเน้นไปที่ลอนดอนและพื้นที่โดยรอบเป็นส่วนใหญ่ โดยจะใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมง ทำให้มั่นใจว่านักเรียนจะไปถึงจุดหมายปลายทางได้โดยปราศจากความยุ่งยาก ข้อดีอีกประการหนึ่งคือหากผู้ปกครองพาบุตรหลานไปอังกฤษ พวกเขาสามารถสำรวจลอนดอนต่อไปได้ในขณะที่นักเรียนกำลังยุ่งอยู่กับการทัศนศึกษา คำแนะนำของโรงเรียนใกล้ลอนดอนสำหรับทัวร์ศึกษา: หลังจากอ่านตัวเลือกทัวร์ศึกษาที่แนะนำตามที่ระบุไว้ข้างต้นแล้ว ลองพิจารณาดูแลประสบการณ์ฤดูร้อนที่เติมเต็มให้กับลูกๆ ของคุณโดยจัดทัวร์ศึกษาดูงานที่น่าจดจำ! คำถามที่พบบ่อยสำหรับทัวร์ศึกษาภาคฤดูร้อนในสหราชอาณาจักร ขั้นตอนที่หนึ่ง: การรวบรวมข้อมูล 1. ภูมิภาคยอดนิยมสำหรับทัศนศึกษาภาคฤดูร้อนในสหราชอาณาจักรอยู่ที่ใด 2. ผู้ปกครองควรเลือกทัศนศึกษาให้บุตรหลานอย่างไร 3. ผู้ปกครองสามารถติดตามบุตรหลานได้มั้ย 4. นักศึกษาทัศนศึกษามีอัตราส่วนสัญชาติเท่าใด 5. ขั้นตอนการสมัครและระยะเวลาในการเข้าค่ายเป็นอย่างไร กุมภาพันธ์-มีนาคม เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง (หนังสือเดินทางของเด็กและรูปถ่ายนักเรียน) มีนาคม-พฤษภาคม ส่งใบสมัคร > ชำระค่าธรรมเนียมการจอง > หนังสือยืนยันโรงเรียน เมษายน ซื้อตั๋วเครื่องบิน พฤษภาคมมิถุนายน เข้าร่วมการบรรยายสรุปก่อนออกเดินทางซึ่งจัดโดย LINKEDU มิถุนายน จัดเตรียมเอกสารและสิ่งของก่อนออกเดินทาง กรกฎาคม การออกเดินทาง 6. กำหนดเวลาในการสมัครทัศนศึกษาคือเมื่อใด 7. มีข้อกำหนดด้านความรู้ภาษาอังกฤษเฉพาะสำหรับโปรแกรมทัศนศึกษาหรือไม่ 8. ค่าธรรมเนียมโปรแกรมรวมอะไรบ้าง 9.  มีใบรับรองเมื่อจบหลักสูตรหรือไม่ ขั้นตอนที่สอง: หลังจากส่งใบสมัครหลักสูตรแล้ว 1. จำเป็นต้องมีวีซ่าสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางฮ่องกง 2. ผู้ปกครองควรจัดตั๋วเครื่องบินให้บุตรหลานอย่างไร การเดินทางระหว่างฮ่องกงและสหราชอาณาจักรจะอำนวยความสะดวกผ่านสนามบินหลักสองแห่งเป็นหลัก ได้แก่ สนามบินลอนดอนฮีทโธรว์และสนามบินนานาชาติแมนเชสเตอร์ สายการบินต่างๆ มีเที่ยวบินตรงหรือต่อเครื่องไปยังจุดหมายปลายทางเหล่านี้ ผู้ปกครองของผู้เข้าร่วมทัวร์ศึกษามักนิยมซื้อตั๋วเที่ยวบินตรงให้กับบุตรหลานเนื่องจากความสะดวก ตั๋วเที่ยวบินตรงไปกลับสำหรับระยะเวลาสองสัปดาห์โดยปกติจะอยู่ในช่วงตั้งแต่ HKD 10,000 ถึง HKD 15,000 3. สายการบินจะให้ความช่วยเหลือหรือไม่หากเด็กเล็กบินคนเดียว เด็กอายุ 6 ปี - เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กแห่งสหราชอาณาจักร จะต้องสมัครใช้บริการผู้เยาว์ที่เดินทางโดยลำพัง (เรียกโดยย่อว่า "บริการ UM") เมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินสำหรับเด็กอายุระหว่าง 6 ถึง […]
7 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
วิธีการศึกษาต่อในอังกฤษ . โรงเรียนประจำอังกฤษ

การเลือกโรงเรียนพักอาศัยในสหราชอาณาจักร: 7 จุดสำคัญ

 รงเรียนประจำชายและหญิงในประเทศอังกฤษ - หลีกเลี่ยง 1: พึ่งพาเฉพาะการจัดอันดับและผลสอบสาธารณะเท่านั้น ใครบอกว่าโรงเรียนประจำชายและหญิงในประเทศอังกฤษที่มีอันดับสูงกว่านั้นก็ยิ่งดีขึ้น? นี่เป็นความเข้าใจผิดที่พบบ่อยที่สุดในครอบครัวไทย แต่ยังเป็นข้อผิดพลาดที่สามารถยอมรับได้มากที่สุด เราเข้าใจว่าพ่อแม่ต้องการเลือกโรงเรียนประจำชายและหญิงในประเทศอังกฤษที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมให้กับลูกของพวกเขา แต่การพึ่งพาอย่างเด็ดขาดกับการจัดอันดับบ่อยครั้งจะทำให้เสียโอกาสในการดำเนินการในแผนการพัฒนาลูกของพวกเขาหลังจากทุกอย่าง การศึกษาในโรงเรียนประจำชายและหญิงในประเทศอังกฤษไม่เน้นการสอนความรู้ให้กับนักเรียนเท่าไร แต่เน้นการนำพาความสามารถของตนเองและส่งเสริมการพัฒนาทั้งด้านทั้งหลายนอกเหนือจากการเรียนรู้ การพึ่งพาเฉพาะผลการเรียนเป็นหลักสำหรับการจัดอันดับแน่นอนไม่ใช่ตัวชี้วัดที่สมดุล เรื่องที่น่าประหลาดใจมากกว่านี้คือ บางโรงเรียนประจำชายและหญิงในประเทศอังกฤษใช้วิธีการคัดเลือก หมายความว่าหากผลการสอบ GCSE ของนักเรียนไม่น่าพอใจก็อาจถูกขอให้ออกจากโรงเรียน วิธีการนี้เพิ่มคะแนนเฉลี่ยของพวกเขาในอันดับ ดังนั้น เมื่อผู้ปกครองดูอันดับ ควรเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังคะแนนเฉลี่ยที่ดีของแต่ละโรงเรียนอย่างรอบคอบ นอกจากนี้ ยังมีโรงเรียนประจำชายและหญิงแบบดั้งเดิมที่ไม่เปิดเผยผลการเรียนรู้ของตนให้สาธารณะรู้ว่า หากผู้ปกครองพึ่งพาอย่างเดียวกับอันดับในการเลือกโรงเรียน อาจมีโรงเรียนบางแห่งที่พวกเขาไม่เคยพบ เลือกโรงเรียนประจำอาศัยในสหราชอาณาจักร - ระวังข้อผิดพลาดที่ 2: การเลือกโรงเรียนด้วยวิธี "ตกปลาด้วยหมอกกระจาย" เมื่อเข้าสอบเข้าโรงเรียนประจำอาศัยในสหราชอาณาจักร สิ่งที่สำคัญคือการเป็น "แม่นยำและแม่นยำ" ในการเปรียบเทียบกับการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย การค้นหาโรงเรียนมัธยมที่เหมาะสมสำหรับลูกของคุณเป็นงานที่ซับซ้อนและผู้ปกครองต้องมีความเข้าใจที่ชัดเจนเมื่อเลือกโรงเรียน หลังจากทั้งหมดโรงเรียนประจำอาศัยในสหราชอาณาจักรมีวิธีและขั้นตอนการประเมินที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่นบางโรงเรียนเน้นผลการเรียนทางวิชาการในขณะที่อื่นเน้นทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษของนักเรียนหรือระดับของความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ การอนุญาตให้เด็กสมัครโรงเรียนแบบสุ่มไม่เพียงแต่ทำให้เด็กเหนื่อยทั้งกายและจิตใจเท่านั้น แต่ยังเสี่ยงต่อการเบื่อหน่ายจากการสอบเข้าหลายๆ ครั้งซึ่งอาจส่งผลให้สูญเสียการเลือกโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ ผู้ปกครองควรเตรียมตัวล่วงหน้าเข้าใจถึงค่านิยมของแต่ละโรงเรียน และจำกัดตัวเลือกลงในโรงเรียนที่สี่หรือห้าโรงที่ชื่นชอบสำหรับการสมัคร โดยพิจารณาจากบุคลิกลักษณะของลูกของพวกเขา พวกเขาควรเลือกโรงเรียนที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาจุดเด่นของลูกของพวกเขา การเลือกโรงเรียนหลวงในสหราชอางข้อผิดพลาดที่ 3: การสมัครสมาชิกในกลุ่มชั้นปีที่ผิด ทำเข้าใจระบบการศึกษาของสหราชอาณาจักร – รู้สึกเหมือน "ข้ามชั้นเรียน"? ระบบการศึกษาของสหราชอาณาจักรประกอบด้วยปีการศึกษาในโรงเรียนมัธยมปลายทั้งหมด 7 ปีและปีการศึกษาในมหาวิทยาลัยทั้งหมด 3 ปี ผู้ปกครองควรทราบเป็นอย่างยิ่งในเรื่องอายุการเข้ารับการศึกษาในสหราชอาณาจักรมีการขยับขึ้นอีก 1 ปีเมื่อเทียบกับประเทศไทย นักเรียนที่อังกฤษเริ่มเรียนชั้นประถมต้นเรียนเร็วกว่าไทย 1 ปี และเมื่อถึงอายุ 11 ปี น้องๆก็จะเริ่มเข้าเรียนในชั้น Year 7  ดังนั้นเมื่อนักเรียนทำการเปลี่ยนจากระบบการศึกษาของไทยมาสู่ระบบการศึกษาของอังกฤษน้องๆอาจรู้สึกเหมือนว่ากำลัง "ข้ามชั้นเรียน" อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความสามารถในการที่ลูกของคุณจะทำการปรับตัวกับระบบใหม่ เนื่องจากมาตรฐานการศึกษาของประเทศไทยทั่วไปมีความสูงกว่าของประเทศอังกฤษในระดับการศึกษาประถมและมัธยมต้น ดังนั้น นักเรียนไทยส่วนใหญ่จะมีความพร้อมในการรับมือกับหลักสูตรการศึกษาของสหราชอาณาจักรเมื่อทำการเปลี่ยนสถานศึกษาในประเทศอังกฤษได้ การเลือกโรงเรียนหลวงในสหราชอาณาจักร - การหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่ 4: การตามติดโดยไม่คำนึงถึงโรงเรียนที่มีสัดส่วนนักเรียนต่างชาติต่ำ เมื่อผู้ปกครองเลือกโรงเรียนหลวง ทีมของเรามักพบคำถาากว่า คือ "โรงเรียนมีนักเรียนต่างชาติจำนวนมากหรือไม่?"  ส่วนใหญ่ผู้ปกครองมีความคิดเห็นว่าถ้าพวกเขาส่งลูกของตนไปศึกษาต่างประเทศ พวกเขาควรมองหาโรงเรียนที่มีสัดส่วนนักเรียนต่างชาติต่ำ (น้อย) เพื่อให้ลูกของพวกเขาได้มีโอกาสสัมผัสกับนักเรียนชาวอังกฤษท้องถิ่นมากขึ้น หากพวกเขาเข้าร่วมโรงเรียนที่มีสัดส่วนนักเรียนต่างชาติสูง (มาก) จะไม่ได้มีเพื่อนที่พูดภาษาไทยและไม่สามารถสัมผัสชีวิตนักเรียนต่างชาติจริงๆ ได้หรือไม่? แน่นอนว่าโรงเรียนที่มีนักเรียนต่างชาติจำนวนมากจะลดโอกาสในการพูดภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม เราจะสมมุติว่าในโรงเรียนนั้นมีนักเรียนไทยเพียงคนเดียว และหากเด็กมีนิสัยที่เป็นคนกลางและขาดความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษ เขาอาจจะสื่อสารเฉพาะกับนักเรียนไทยคนนั้นและหลีกเลี่ยงการสื่อสารกับนักเรียนชาวอังกฤษ อย่างไรก็ตาม หากเด็กมีนิสัยเป็นคนสนุกสนานและชอบทำความรู้จักเพื่อน ไม่ว่าจะมีนักเรียนต่างชาติเป็นส่วนใหญ่หรือน้อย เขาก็จะเรียนรู้จักกับเพื่อนร่วมชั้นที่แตกต่างกันอย่างใจจดจำและรวดเร็วในระยะเวลาสั้น ๆนโรงเรียนที่มีผลการสอบสูงมักจะมีสัดส่วนนักเรียนต่างชาติที่สูงกว่าโดยทั่วไป หนึ่งในเหตุผลอาจเป็นเพราะส่วนใหญ่ของนักเรียนต่างชาติมีเป้าหมายร่วมกันที่เป็น "การเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ" และให้ความสำคัญกับการเรียนการสอน ในการเปรียบเทียบกับนักเรียนชาวอังกฤษท้องถิ่น พวกเขามักจะให้ความสำคัญกับความสนใจและประสบการณ์ของนักเรียน และดังนั้นจึงเน้นการพัฒนาทั้งในด้านการเรียนการสอนและกิจกรรมนอกเวลาเรียนดังนั้น ผู้ปกครองควรเข้าใจวัตถุประสงค์ของการศึกษาของลูกน้อยในสหราชอาณาจักรก่อนที่จะเลือกโรงเรียนที่มีสัดส่วนนักเรียนต่างชาติสูงหรือต่ำ เลือกโรงเรียนหอพักในสหราชอาณาจักร - หลีกเลี่ยง 5: การตามหาชีวิตในวิถี "แบบฮาร์รี่ พอตเตอร์" อย่างสะดุดตา อาจมีผู้อ่านหลายคนที่เคยดูภาพยนตร์ซีรีส์ "Harry Potter" และคิดถึงชีวิตและสภาพแวดล้อมในภาพยนตร์นั้น พวกเขาอาจหวังว่าเมื่อเขาศึกษาในสหราชอาณาจักรพวกเขาจะสามารถสัมผัสประสบการณ์การเรียนรู้และการดำเนินชีวิตที่คล้ายกับภาพยนตร์ได้ อย่างไรก็ตาม โรงเรียนแบบ "Harry Potter-style" หมายถึงโรงเรียนแบบ "full boarding" หรือโรงเรียนหอพักทั้งหมด โรงเรียนแบบ "full boarding" หมายความว่ามีนักเรียนมากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นนักพักที่โรงเรียน และโรงเรียนนั้นเป็นโรงเรียนหอพักตั้งแต่เปิดตัว เช่น Christ's Hospital School หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้โรงเรียนแบบ "full boarding" ได้รับความสนใจจากผู้ปกครองไทยคือทุกหรือส่วนใหญ่ของนักเรียนทั้งนักเรียนชาวอังกฤษต้องอยู่ในวัยเรียนในวันธรรมดา 7 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งทำให้พวกเขาไม่รู้สึกเหงาในหอพักในช่วงวันหยุดหรือวันหยุดสุดสัปดาห์ นอกจากนี้โรงเรียนแบบ "full boarding" ยังกำหนดให้นักเรียนต้องมีการติดต่อและสังสรรค์กับเพื่อนร่วมชั้นเป็นส่วนใหญ่ของเวลา ซึ่งช่วยให้พวกเขาผสมผสานกับชีวิตในท้องถิ่นและเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าโรงเรียนแบบ "full boarding" จะเหมาะสมกับนักเรียนนานาชาติทั้งหมด ผู้ปกครองควรพิจารณาปัจจัยเช่นบุคลิกภาพของนัก การเลือกโรงเรียนประจำต่างประเทศในสหราชอาณาจักร - หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่ 6: การละเว้นการสนับสนุนอาชีพที่เชี่ยวชาญ โรงเรียนประจำต่างประเทศในสหราชอาณาจักรทั่วไปจะเลี้ยงดูนักเรียนในด้านการศึกษา กีฬา เพลง และการพัฒนาบุคลิกภาพส่วนตัว หลังจากสำเร็จการศึกษานักเรียนสามารถเลือกสาขาวิชาที่ต้องการศึกษาในมหาวิทยาลัยตามเกรดและความสนใจของตนเอง ซึ่งเป็นการให้ความยืดหยุ่นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ถ้านักเรียนมีความปรารถนาที่จะศึกษาในสาขาเฉพาะเช่น แพทยศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และไคโรแพทย์ โรงเรียนประจำต่างประเทศอาจไม่มีการสนับสนุนและทรัพยากรที่เพียงพอในการรับมือกับการประเมินที่ซับซ้อน ด้วยเหตุนี้ ในปีหลังนี้มีการเพิ่มขึ้นของโรงเรียนระดับก่อนมหาวิทยาลัยที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับนักเรียนที่มีความปรารถนาที่จะศึกษาในสาขาเฉพาะ เช่น Cardiff Sixth Form College, Oxford International College เป็นต้น […]
2 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
โรงเรียนประจำอังกฤษ

[โรงเรียนประจำในสหราชอาณาจักร: สำรวจผืนดิน ทะเล และท้องฟ้า—ปลดปล่อยจิตวิญญาณที่แท้จริงของโรงเรียนประจำในอังกฤษ]

นอกเหนือจากวิชาเรียนทางวิชาการต่างๆ นักเรียนในโรงเรียนประจำชาติสหราชอาณาจักรมีการเข้าร่วมกิจกรรมนอกห้องเรียนที่หลากหลายเกือบทุกวัน วัตถุประสงค์ของกิจกรรมเหล่านี้คือเพื่อกระตุ้นความสนใจของนักเรียนและเตรียมตัวให้พร้อมด้วยทักษะที่จำเป็นในชีวิตอย่างเช่นการคิดอย่างวิเคราะห์ ความเป็นอิสระ และความเป็นผู้นำ ทักษะเหล่านี้จะถูกสำรวจ ประสบการณ์ และฝึกปฏิบัติในโลกนอกห้องเรียน และโรงเรียนส่งเสริมให้นักเรียนหาสมดุลระหว่างการเรียนรู้และการพักผ่อน ดังนั้นเมื่อเสียงกริ่งกริ่งสุดท้ายที่เป็นสัญลักษณ์ของการเลิกเรียนดังนั้นนักเรียนจะหวนกลับไปสู่สนามหญ้าขนาดใหญ่เพื่อเล่นบาสเกตบอลหรือฟุตบอลกับเพื่อนร่วมชั้นหรือไม่? ไม่ โดยเด็ดขาด เพราะมาจากไกด์การศึกษาในสหราชอาณาจักร การเรียนจะถูกจำกัดไว้ที่เพียงเพียง "ลูกบอล" ธรรมดาเท่านั้นหรือไม่? โรงเรียนประจำชาติสหราชอาณาจักรนำเสนอกิจกรรมที่เกินกว่าที่โรงเรียนในฮ่องกงปกติจะให้บริการ และครอบคลุมสายด้าน "บก," "ทะเล," และ "อากาศ." เรามาเริ่มต้นที่ส่วนของ "ทะเล" กันก่อนนะคะ! Rossall School ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในโรงเรียนที่ให้การศึกษาแบบบริบูรณ์ตามแบบอังกฤษ โรงเรียนตั้งอยู่บนชายฝั่งที่งดงามของรัฐลังค์เคอร์เชียร์ โรงเรียนใช้ประโยชน์จากทำเลทางภูมิศาสตร์ของตนเพื่อสร้างความเป็นเลิศในกิจกรรมดำน้ำ โรงเรียน Rossall ได้สร้างชมรมดำน้ำที่ให้บริการนักเรียนที่รักทะเล ภายใต้คำแนะนำจากผู้สอนดำน้ำที่ได้รับใบรับรองจาก PADI นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ดำน้ำ เข้าร่วมการฝึกสระว่ายน้ำ และสุดท้ายนำความรู้ไปใช้ในการดำน้ำในทะเลเปิด ตอนนี้เรามาเล่น "กิจกรรมบนบก" กันบ้าง โรงเรียน Bryanston School เป็นโรงเรียนหล่อนที่มีชื่อเสียงด้วยการผสมผสานระหว่างประเพณีและความสนุกสนาน โรงเรียนนี้มีกิจกรรมนอกหลักสองร้อยกว่ากิจกรรม โดยกีฬาจักรยานเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความนิยมสูงสุด โรงเรียนจัดการแข่งขันการกระโดดม้าในวิทยาเขตทุกปี ซึ่งบ่งบอกถึงการมีการเข้าร่วมจากโรงเรียนอื่น ๆ โรงเรียนมีศูนย์ม้าที่ได้รับการรับรองจากสมาคมม้าแห่งสหราชอาณาจักร (BHS) และนักเรียนยังสามารถนำม้าของตนมาเก็บรักษาในโรงเรียนได้ แม้ว่านักเรียนจะไม่มี "ม้าส่วนตัว" โรงเรียน Bryanston ได้รวมการกระโดดม้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบทเรียนการฟิสิกส์สำหรับระดับชั้นปีที่กำหนดไว้ ดังนั้น นักเรียนที่โรงเรียน Bryanston มีเวลาในการขี่ม้าอย่างแน่นอน สุดท้ายนี้เราจะพาไปสู่ "อากาศ" กันนะคะ Shrewsbury School ที่เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงเป็นเวลานานเป็นสถานศึกษาของนักชีววิทยาชื่อดัง ชาร์ลส์ ดาร์วิน ไม่ว่างานวิจัยที่เข้าชมสวนสัตว์ในห้องทดลองทางโลก เรามาเน้นที่กิจกรรมนอกห้องเรียนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของโรงเรียนนี้กัน: การบินเครื่องบิน ใช่ ไม่ได้เป็นเพียงประสบการณ์ควบคุมเครื่องบินจำลอง แต่เป็นการบินจริงๆ ด้วยเครื่องบินขนาดเล็ก Shrewsbury School มีโครงการ "ประสบการณ์การบินกับกองบินของกองทัพอากาศ" ซึ่งนักเรียนสามารถไปเยี่ยมชมฐานทัพอากาศราชการ RAF Cosford และได้รับการฝึกฝนการบินจากนักบินของกองทัพอากาศที่มีประสบการณ์ นักเรียนแต่ละคนจะได้เวลาบินประมาณ 30-40 นาทีเพื่อเรียนรู้วิธีควบคุมเครื่องบินและปฏิบัติการบินบางส่วน กิจกรรมที่กล่าวถึงในส่วนของ "บก, ทะเล, และอากาศ" อาจเป็นเรื่องยากที่จะเข้าถึงในฮ่องกง แต่ในสหราชอาณาจักรกิจกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องราวที่แตกต่างไป
1 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
ค่ายฤดูร้อนในสหราชอาณาจักร

[UK Study Tour: การส่งลูกไปค่ายฤดูร้อนในต่างประเทศเพื่อ "การเติบโต" ในมุมมองสำหรับพ่อแม่]

ฉันเคยรู้จักแม่จากบริษัทเดิมของฉัน ซึ่งลูกชายชื่อเจสันเพิ่งอายุ 12 ปี เธอจัดค่ายฤดูร้อนที่โรงเรียนประจำในสหราชอาณาจักรให้เจสันในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน เมื่อรู้ว่าฉันเคยเรียนที่สหราชอาณาจักรมาก่อน เธอจึงโทรหาฉันก่อนออกเดินทางเพื่อสอบถามข้อมูลบางอย่าง เธอบอกฉันว่าเธอซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่และซิมการ์ดระหว่างประเทศให้เขาเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร เนื่องจากเขาไม่เคยเก็บเสื้อผ้าของตัวเอง เธอจึงแบ่งเสื้อผ้าในแต่ละวันออกเป็นถุงที่มีหมายเลขกำกับ (1, 2, 3, 4, 5, 6, 7) โดยแต่ละถุงจะมีเสื้อผ้า กางเกง ชุดชั้นใน ถุงเท้า ฯลฯ นอกจากนี้ เธอยังเตรียม ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ สำหรับครูและเพื่อนร่วมชั้น และอื่นๆ เมื่อเธอบอกฉันเกี่ยวกับการเตรียมตัว ปฏิกิริยาของฉันคือ "ถ้าคุณเตรียมทุกอย่างให้เขาแล้ว หมายความว่าอย่างไร" ต่อมา เธอพาเจสันมาหาฉันเพื่อขอ "คำปรึกษา" ก่อนที่เขาจะจากไป โดยหวังว่าฉันจะช่วยคลายความกังวลใจของเขาได้ ฉันถามเจสันว่า "คุณกลัวที่จะไปอังกฤษคนเดียวไหม" เจสันตอบว่า "ฉันไม่กลัว แต่ฉันเกรงว่าเธอจะกลัว" เขาเหลือบมองไปที่แม่ของเขา ฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ และปลอบแม่ของเขาว่าไม่ต้องกังวลมากเกินไปและปล่อยเขาไป "ทำไมต้องส่งเด็กไปแคมป์ฤดูร้อน?" ไม่มีคำตอบที่เหมาะสมทั้งหมดสำหรับคำถามนี้ แต่ก็สำนวนว่า ผู้ปกครอง 9 ใน 10 คนต้องการให้ลูกของพวกเขาเติบโตมากขึ้น ไม่มีสงสัยว่าหลาย ๆ เด็กจะเริ่มเป็นอิสระมากขึ้นเพราะไม่มีพ่อแม่หรือ "ผู้ใหญ่" มากำกับการตัดสินใจและการกระทำของพวกเขา พวกเขาต้องจัดการกับสิ่งมากมายด้วยตนเอง อย่างสำคัญ แคมป์ฤดูร้อนนั้นเกี่ยวข้องกับการอยู่ร่วมกลุ่ม และเด็กๆ ยังต้องการ "แสดงออก" และได้รับ "การยกย่อง" จากเพื่อนร่วมกลุ่ม ดังนั้นพวกเขามักจะปฏิบัติตามกฎระเบียบ และข้อบังคับ ภายหลังจากนั้นเจสันก็บอกผมว่าประสบการณ์ที่น่าจดจำที่สุดสำหรับเขาคืองานที่เขาทำเสร็จในเมืองเล็ก ๆ โดยพฤติกรรมตามคำแนะนำที่ครูให้: ให้หาตึกที่กำหนดไว้ในกลุ่มและถ่ายรูปมัน ตอนแรกมันไม่ได้ผ่านไปด้วยความราบรื่นเพราะคนท้องถิ่นพูดออกมาไม่ชัดเจน ทำให้กลุ่มไม่เข้าใจเมื่อขอรับทิศทาง พวกเขาแม้แต่ไม่รู้จำนวนคนแปลกหน้าที่ได้ถาม ดังนั้นพวกเขาจึงปะติดปะต่อเส้นทางคร่าวๆ พวกเขาใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการทำงานให้เสร็จ “ฉันรู้เป็นครั้งแรกว่าฉันค่อนข้างกล้าหาญ ถ้าเป็นที่ฮ่องกง แม่ของฉันจะนั่งแท็กซี่ไปกับฉันแน่นอน” เจสันกล่าว ผู้ปกครองมีความกังวลมากที่สุดว่าค่ายฤดูร้อนจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงแบบใดกับบุตรหลานของตน ในฐานะผู้ปกครอง เราควรใช้เวลาสักครู่เพื่อคิดว่า: เราจะเติบโตหรือได้รับแรงบันดาลใจแบบใดหลังจากส่งลูกไปค่ายฤดูร้อน ถ้าคุณถามฉัน ฉันจะบอกว่าแทนที่จะทำให้เด็กๆ เป็นอิสระ มันเป็นเรื่องของการที่พ่อแม่เรียนรู้ที่จะปล่อยวางมากกว่า ไม่ว่าลูกของเราจะอายุเท่าไหร่ วันหนึ่งพวกเขาก็ต้องจากบ้านไปเผชิญกับโลกที่ซับซ้อนตามลำพัง พวกเขาต้องการที่หลบภัย แต่ก็ต้องออกไปท้าทายตัวเองด้วย พ่อแม่ควรปล่อยให้ลูก ๆ ผจญภัยไปในดินแดนที่ไม่รู้จักด้วยตัวเอง และเมื่อพวกเขากลับมาหาเราพร้อมแบ่งปันประสบการณ์ พวกเขาจะกลายเป็นบุคคลที่เติมเต็มมากขึ้น การสอนความเป็นอิสระของเด็กหมายความว่าผู้ปกครองควรเรียนรู้ที่จะเป็นอิสระ กังวลให้น้อยลงและไว้วางใจลูก ๆ ของคุณให้มากขึ้น ค่ายฤดูร้อนนี้ทำไมไม่ให้พวกเขาเริ่มต้นด้วยการจัดกระเป๋าเดินทางของตัวเอง? วิธีนี้จะไม่ขัดแย้งกับความตั้งใจเดิมในการส่งพวกเขาไปค่ายฤดูร้อน—การเติบโต
0 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
ตัวช่วยสำหรับคนที่อยากเข้ามหาวิทยาลัยในฝัน . มหาวิทยาลัยอังกฤษ

[มหาวิทยาลัยเดอแรม: สบายดีไหม? ประสบการณ์เรียนที่ Durham 3 ปี]

Phoebe นักเรียนที่เรียนอยู่ที่นี่ ปัจจุบันเธอกำลังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สามที่มหาวิทยาลัยดุรัม ซึ่งเธอกำลังศึกษาวิชาศาสตร์บัณฑิต (เกียรติบัตร) สาขาปรัชญาศาสตร์ การเมือง และเศรษฐศาสตร์ (PPE) ตอนที่คนเห็นว่าเธอกำลังศึกษาที่มหาวิทยาลัยดุรัม เขาบ่นมาถามว่าดุรัมนั้นตั้งอยู่ที่ไหนแน่นอน ตอบกลับมาว่า "ดุรัมเป็นเมืองเล็กในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ อยู่ใกล้นิวคาสเซิล" แน่นอนว่าน้อยคนที่ไม่ใช่แฟนของลีกเล็กที่สุดของอังกฤษ คงไม่เคยได้ยินถึงนิวคาสเซิลมาก่อน เป็นปีสุดท้ายของฟีบี้ที่ดุรัม และเธอต้องการที่จะเก็บบันทึกประสบการณ์ของเธอที่มหาวิทยาลัย ระหว่างช่วงโค้งร้อนในฮ่องกง เรามีการรับประทานอาหารกันและเธอมีความคิดเห็นเกี่ยวกับดุรัม รวมถึงเรื่องเมืองที่มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ ระบบเครื่องแบบคณะแบ่งส่วนที่ไม่เหมือนใคร ผลงานทางวิชาการ กิจกรรมนอกหลักสูตร และการสนับสนุนนักศึกษาต่างชาติ เราได้บันทึกรายละเอียดเหล่านี้ไว้ โดยหวังว่าทั้งนักศึกษาที่คาดหวังและนักศึกษาปัจจุบันจะเข้าใจเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย Durham ได้ดียิ่งขึ้น เมืองประวัติศาสตร์ที่งดงามราวกับภาพวาด Durham เล็กแค่ไหน? ทันทีที่คุณก้าวออกจากสถานีรถไฟ คุณจะมองเห็น Durham Cathedral ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางเมือง จากสถานี คุณสามารถมองเห็นกลุ่มบ้านอิฐแดง ซึ่งมีลักษณะเหมือนเมืองเล็กๆ ของอังกฤษ ใจกลางเมืองมีจัตุรัสเล็กๆ ที่เรียกว่า Market Place และมีจัตุรัสแห่งความบันเทิงอยู่ใกล้ๆ ซึ่งมีโรงภาพยนตร์และห้องสมุด คุณสามารถเดินไปรอบ ๆ พื้นที่ได้อย่างง่ายดายภายในห้านาที เดินบนถนนที่ปูด้วยหิน ผ่านสะพาน Framwellgate อันเก่าแก่ และมองขึ้นไป คุณจะเห็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนเนินเขาริมแม่น้ำ เป็นหนึ่งในอาคารที่โดดเด่นของมหาวิทยาลัย ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "Castle College" บรรยากาศทางประวัติศาสตร์และเงียบสงบนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในเมืองเดอร์แฮม และมหาวิทยาลัยเดอร์แฮมก็เกี่ยวพันกับเมืองนี้ หรือมากกว่านั้น เมืองนี้ก็คือมหาวิทยาลัยเดอแรมนั่นเอง ปราศจากอิทธิพลของอุตสาหกรรมหรือความเร่งรีบทางการค้า Durham ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักตลอดระยะเวลากว่าพันปี "ระบบมหาลัย" ในชีวิตจริงของแฮร์รี่ พอตเตอร์ บางคนมองว่า Durham เป็นรองแค่ Oxford และ Cambridge ไม่เพียงเพราะประวัติศาสตร์อันยาวนานและผลการเรียนที่ยอดเยี่ยม แต่ยังเป็นเพราะ Durham เช่นเดียวกับ Oxford และ Cambridge เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยไม่กี่แห่งในสหราชอาณาจักรที่ยังคงใช้ระบบวิทยาลัยแบบโบราณ หากคุณเคยดู "Harry Potter" คุณน่าจะคุ้นเคยกับแนวคิดนี้ ขั้นแรก เรามาอธิบายคำศัพท์บางคำกันก่อน: ภาควิชา โรงเรียน และวิทยาลัย โรงเรียนและหน่วยงานต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับการสอนและรับผิดชอบในการส่งมอบหลักสูตรที่เลือกให้กับนักเรียน เป็นสถานที่หลักสำหรับการเรียนการสอนทางวิชาการ ตัวอย่างเช่น Business School, Department of Psychology เป็นต้น เป็นวิทยาลัย "วิชาการ" สำหรับนักศึกษา ปัจจุบัน Durham University มี 16 วิทยาลัย นอกเหนือจาก Castle College ที่เรากล่าวถึงก่อนหน้านี้และเป็นที่รู้จักในด้านประเพณีแล้ว วิทยาลัยอื่น ๆ ก็มีลักษณะเฉพาะของตนเอง ตัวอย่างเช่น วิทยาลัย Collingwood มีชีวิตชีวาและเน้นการกีฬา ขณะที่วิทยาลัย St. Mary's มีสภาพแวดล้อมที่สวยงาม วิทยาลัยของมหาวิทยาลัย Durham อนุรักษ์ลักษณะแบบอังกฤษดั้งเดิมไว้มากที่สุด พวกเขามีโรงอาหารของตัวเอง และบางวิทยาลัยจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำแบบเป็นทางการสัปดาห์ละครั้ง โดยนักเรียนทุกคนจะรับประทานอาหารร่วมกัน แบ่งปันประสบการณ์ และเสริมสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของและมิตรภาพ ตัวอย่างเช่น วิทยาลัยที่ฉันสังกัด Hatfield College ซึ่งเป็นวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับสอง กำหนดให้นักเรียนสวมชุดสูทและเครื่องแต่งกายที่เป็นทางการระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการ มีการกล่าวคำอธิษฐานก่อนมื้ออาหาร และมีการจัดโต๊ะด้วยช้อนส้อมและเชิงเทียนอย่างประณีต สร้างบรรยากาศเหมือนแฮร์รี่ พอตเตอร์ ดังนั้นคุณจึงสามารถเข้าใจวิทยาลัยว่าเป็นวิทยาลัย "ไลฟ์สไตล์" สำหรับนักเรียน วิทยาลัยของมหาวิทยาลัย Durham มอบโอกาสทางการศึกษามากมายให้กับชีวิตนักศึกษาโดยไม่เน้นเรื่องกายภาพ ซึ่งช่วยเสริมหลักสูตรการศึกษาอย่างเป็นทางการที่เปิดสอนโดยโรงเรียนและหน่วยงานต่างๆ จุดมุ่งหมายคือการปลูกฝังบุคคลที่รอบรู้มากกว่าหนอนหนังสือ ผลการเรียนเทียบเท่ากับ Oxbridge Durham Universityมหาลัยที่หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อ แต่ในสายตาของชาวอังกฤษหลายๆ คน ความแข็งแกร่งทางวิชาการของ Durham สามารถเทียบได้กับ Oxford และ Cambridge มันถูกเรียกว่า "ด็อกซ์บริดจ์" ในการจัดอันดับ Complete University Guide (CUG) ประจำปี 2019 ของมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร ล่าสุด Durham University อยู่ในอันดับที่ 6 เป็นมหาวิทยาลัยที่มีความครอบคลุมอย่างมาก โดยเป็นเลิศทั้งด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์ หลายสาขาวิชาติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ […]
3 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
กลยุทธ์การเลือกหลักสูตร . มหาวิทยาลัยอังกฤษ

[การเลือกวิชาที่มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร: การเลือกวิชาก็เหมือนการเลือกคู่ชีวิต] สร้างสมดุลระหว่างความชอบและความเป็นจริง

บางคนเชื่อว่า "วิชาของคุณกำหนดชะตากรรมของคุณ" ในมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม มีคนเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ทำงานในสาขาที่เกี่ยวข้องกับวิชาที่ตนเรียน หลายคนรู้สึกเสียใจกับการเลือกสาขาวิชาหลังจากเริ่มต้นอาชีพ และบางคนถึงกับคิดที่จะเปลี่ยนสาขาหลังจากจบปริญญาโท แล้วเราจะเลือกวิชาเรียนตั้งแต่เริ่มต้นได้อย่างไร? เป็นคำถามที่ลึกซึ้ง เรียนเพื่อหางานเท่านั้นหรือ? จากการทำงานในอุตสาหกรรมการศึกษาในต่างประเทศเป็นเวลาหลายปี ฉันสังเกตเห็นว่านักเรียนและผู้ปกครองจำนวนมากมีความเชื่อที่ฝังรากลึกว่าการเรียนวิชาวิชาชีพนำไปสู่การเป็นมืออาชีพในอนาคต ฉันมักจะเห็นนักเรียนที่ได้รับอิทธิพลจาก "อุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มมากที่สุด" หรือ "สิบอาชีพยอดนิยม" เลือกวิชาเฉพาะเมื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศเพื่อให้ได้งานที่ดีในอนาคต อย่างไรก็ตาม คำจำกัดความของ "อาชีพยอดนิยม" นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ อุตสาหกรรมและงานที่เป็นที่นิยมมักจะเปลี่ยนไปตามกระแสสังคม ตัวอย่างเช่น เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเน้นประเด็นด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นในหมู่ชาวเมืองจึงมีความต้องการนักกายภาพบำบัดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในช่วงปี 3-4 ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยจนถึงเรียนจบ อุตสาหกรรมนี้ได้ดูดซับผู้มีความสามารถจำนวนหนึ่งไปแล้ว เมื่อคุณเรียนจบ คุณอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีนักกายภาพบำบัดในตลาดงานมากเกินไปหรือไม่ หากคุณเลือกเรียนวิชานี้เพียงเพราะแนวโน้มนี้ คุณพลาดประเด็นนี้ไป การเรียนไม่ควรเกี่ยวกับผลกระทบในทันทีเท่านั้น แต่ยังเน้นไปที่ทักษะด้านอารมณ์ที่คุณได้รับด้วย ตัวอย่างเช่น การเรียนกฎหมายไม่ควรมีไว้สำหรับการเป็นทนายความเท่านั้น แต่ยังต้องเรียนรู้การคิดเชิงวิพากษ์ ทักษะในการสื่อสาร และการใช้เหตุผลเชิงตรรกะ ซึ่งเป็นคุณสมบัติและความสามารถที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาตนเอง ความต้องการทนายความในสังคมอาจค่อยๆ ลดลง แต่ทักษะด้านอารมณ์ที่คุณได้รับจะป้องกันไม่ให้คุณกลายเป็นคนล้าสมัยในสังคมที่เปลี่ยนแปลงหรืออาชีพยอดนิยม สร้างสมดุลระหว่างความชอบและความเป็นจริง ดังนั้น เมื่อพ่อแม่ทุ่มเงินหลายล้านเพื่อส่งลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ พ่อแม่ควรตัดสินใจเลือกอย่างไรให้ถือว่า “คุ้มค่า”? ความจริงแล้ว การเลือกวิชาก็คล้ายกับการเลือกคู่ชีวิต "ความรัก" เป็นองค์ประกอบสำคัญ ไม่ว่าคุณจะชอบเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือไม่ก็เป็นสิ่งสำคัญ การเรียนตามความสนใจของคุณเป็นกุญแจสำคัญในการทำงานได้ดีด้วยความกระตือรือร้นและความหลงใหล หากคุณเลือกวิชาที่คุณไม่ชอบและหลังจากเรียนจบ คุณเข้าสู่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องแต่พบว่าตัวเองต้องการเปลี่ยนอาชีพ มันอาจเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดที่สุด อย่างไรก็ตาม หากพูดกันตามความเป็นจริงแล้ว หากคุณจัดลำดับความสำคัญของความสนใจ คุณต้องพิจารณาด้วยว่า "ประโยชน์ในชีวิตจริง" ใดที่พวกเขาจะนำมาให้คุณในอนาคต ตัวอย่างเช่น นักเรียนที่สนใจด้านการออกแบบเครื่องบินอาจต้องการเรียนวิศวกรรมอากาศยานในมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน บริษัทส่วนใหญ่ที่รับผิดชอบในการออกแบบและผลิตเครื่องบินอยู่ในสหรัฐอเมริกา เมื่อคุณกลับมาที่บ้านเกิดและต้องการทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง คุณอาจพบตัวเลือกที่จำกัด หากคุณได้พิจารณาถึงความท้าทายและความเป็นไปได้นี้ และเตรียมพร้อมทางจิตใจสำหรับการใช้ชีวิตที่อาจแตกต่างจากแรงบันดาลใจเดิมของคุณ ก็ไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ใช่ คุณต้องคิดให้รอบคอบ เปลี่ยนความสนใจเป็น "อาชีพ" ก่อนเลือกเรียน อย่างไรก็ตาม บางครั้งความสนใจและงานไม่เหมือนกัน เพลิดเพลินกับความสนใจและเปลี่ยนเป็นอาชีพเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น นักเรียนที่ชื่นชอบการเขียนและต้องการเป็นนักข่าวอาจพบว่าการเขียนเรียงความและการเข้าร่วมการแข่งขันการเขียนในโรงเรียนมัธยมนั้นน่าสนใจมาก แต่เมื่อคุณใช้เวลาทำงาน 24 ชั่วโมงเต็มทุกวัน เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เขียนบทความข่าวด่วนข้ามคืน และจัดการกับคำพูดนับไม่ถ้วนและการแก้ไขหลายครั้ง คุณยังมีความสุขอยู่หรือไม่? นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันแนะนำให้นักเรียนที่เลือกวิชาตาม "ความสนใจ" ของพวกเขาใช้เวลาในการเข้าร่วมการฝึกงานที่เกี่ยวข้องหรือขอคำแนะนำจากญาติหรือเพื่อนที่ทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อทำความเข้าใจโอกาสและความเป็นจริงของสาขานี้ เมื่อเข้าใจความจริงแล้วยังติดใจกับมันอยู่ก็ทำตามหัวใจตัวเองเถอะ!ในสายอาชีพของฉัน ฉันมักพบผู้เข้าสอบใหม่ ๆ ที่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับเส้นทางในอนาคตของพวกเขา ฉันมักจะแนะนำนักเรียนของฉันให้หลีกเลี่ยงการตามกระแสสุ่มสี่สุ่มห้าเมื่อเลือกวิชาเพราะกระแสสังคมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นักศึกษาควรตระหนักในสิ่งที่พวกเขารักและถนัด แต่ในขณะเดียวกันควรพิจารณาว่า "อาชีพ" และ "ไลฟ์สไตล์" ที่มาพร้อมกับ "ความสนใจ" นี้เป็นสิ่งที่ต้องการอย่างแท้จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม อย่ากังวลมากเกินไปเพราะตัวแบบไม่ใช่กรงขัง ไม่สามารถกำหนดทั้งชีวิตของคุณได้ หลังจากลองทำสิ่งต่าง ๆ คุณจะพบเส้นทางของคุณเอง
1 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
ตัวช่วยสำหรับคนที่อยากเข้ามหาวิทยาลัยในฝัน . วิธีการศึกษาต่อในอังกฤษ

[การวิเคราะห์ระบบการศึกษาของมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร: กลยุทธ์การโอนย้ายฐานรากจำเป็นต้องมีการเตรียมการล่วงหน้า]

เป็นวันหยุดฤดูร้อนอีกครั้ง และหลักสูตรส่วนใหญ่ในสหราชอาณาจักรกำลังจะสิ้นสุดลง โดยนักเรียนจะได้รับเกรดสุดท้าย เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฉันได้รับการขอความช่วยเหลือจากนักเรียนที่จบหลักสูตรปรับพื้นฐานของมหาวิทยาลัย ฉันแบ่งนักเรียนเหล่านี้ออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกคือผู้ที่มีแผนที่จะโอนย้ายไปยังมหาวิทยาลัยอื่นแล้วเนื่องจากตระหนักดีว่ามหาวิทยาลัยปัจจุบันที่ตนกำลังศึกษาอยู่นั้นไม่เหมาะกับตนเองและต้องการโอนย้ายไปยังมหาวิทยาลัยที่ตนต้องการมากกว่า นักเรียนประเภทที่สองคือผู้ที่พบว่าพวกเขามีคุณสมบัติไม่ตรงตามข้อกำหนดทางวิชาการเพื่อความก้าวหน้าเนื่องจากผลการเรียน และต้องเผชิญกับทางเลือกในการเปลี่ยนวิชาเอกหรือได้รับจดหมายปฏิเสธที่ระบุว่า "ขออภัย เราไม่สามารถเสนอ คุณสถานที่ ฉันขอโทษเกี่ยวกับเรื่องนี้ " การเตรียมพร้อมกับการสมัคร UCAS ของนักเรียน นักเรียนประเภทแรกมีความกระตือรือร้นมากกว่า เนื่องจากพวกเขาได้ตัดสินใจโอนย้ายและสมัครผ่าน UCAS ซึ่งเป็นระบบการรับเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของสหราชอาณาจักร หลังจากได้รับเกรดสำหรับเทอมแรก พวกเขาได้รับข้อเสนอแบบมีเงื่อนไขจากมหาวิทยาลัยอื่นๆ อย่างไรก็ตาม นักเรียนประเภทที่สองไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้าถึงสถานการณ์ที่โชคร้ายของพวกเขา และขอความช่วยเหลือเฉพาะในเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคมเท่านั้น น่าเสียดายที่ในตอนนั้น UCAS ได้เข้าสู่ช่วง Clearing แล้ว และตัวเลือกมหาวิทยาลัยที่มีก็มีจำกัด ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียนประเภทไหน หากคุณได้เกรดเทอมแรกและพบช่องว่างระหว่างเกรดกับข้อกำหนดสำหรับความก้าวหน้า หรือหากคุณกำลังพิจารณาโอนย้าย อย่าลืมส่งใบสมัคร UCAS ของคุณก่อนถึงกำหนดส่งใบสมัครครั้งแรกในวันที่ 15 มกราคม ทั้งนี้เนื่องจากสถานที่ว่างมีสูงสุดก่อนวันที่กำหนด และคุณมีโอกาสที่ดีกว่าที่จะได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยและหลักสูตรยอดนิยม หากคุณสมัครในเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม และมหาวิทยาลัยที่คุณต้องการไม่มีตำแหน่งว่าง ต้องขออภัยด้วย ฉันไม่ใช่ผู้ทำปาฏิหาริย์ ฉันหมายถึง ฉันไม่ได้อยู่ที่ Admission Office หากไม่มีตำแหน่งว่าง ฉันไม่สามารถเสกปริญญาให้คุณได้ การเลือกมหาวิทยาลัยตามผลการเรียน แต่คะแนนของคุณเข้ามหาวิทยาลัยไหนได้บ้าง? มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรไม่ได้เผยแพร่ผลการเรียนแบบตัดเกรดสำหรับหลักสูตรปรับพื้นฐานโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่ผ่านมา อาจประมาณได้ว่าหากนักเรียนได้คะแนน 70 ขึ้นไปในหลักสูตรปูพื้น พวกเขาสามารถพิจารณาสมัครเข้ามหาวิทยาลัยที่อยู่ใน 30 อันดับแรกได้ (โปรดทราบว่ามหาวิทยาลัยของ Oxbridge ไม่รับหลักสูตรปูพื้นฐาน เกรด). นักเรียนที่มีคะแนนต่ำกว่า 70 สามารถพิจารณามหาวิทยาลัยที่อยู่นอก 30 อันดับแรกได้ ตัวอย่างเช่น ฮอลลี่ นักเรียนคนหนึ่งของฉันซึ่งเดิมเรียนปรับพื้นฐานที่มหาวิทยาลัยชั้นนำในภาคเหนือ ได้คะแนน 86 คะแนนและไม่มีปัญหาในการก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัยเดิมของเธอ . อย่างไรก็ตาม ฮอลลีรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมในมหาวิทยาลัยเดิมของเธอนั้นเงียบเกินไปและเน้นด้านวิชาการ เธอจึงชอบสภาพแวดล้อมที่มีชีวิตชีวามากกว่า ในท้ายที่สุด เธอสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ผ่าน UCAS และตอบรับเธออย่างไม่มีเงื่อนไข ทำการทดสอบ IELTS ล่วงหน้า นอกจากนี้ แม้ว่าคะแนนภาษาอังกฤษในหลักสูตรปูพื้นฐานจะเพียงพอสำหรับความก้าวหน้าในมหาวิทยาลัยเดิม แต่มหาวิทยาลัยอื่นๆ อาจไม่พิจารณาคะแนนภาษาอังกฤษของนักเรียนที่ "ไม่ใช่เจ้าของภาษา" ดังนั้นฉันขอแนะนำให้นักเรียนทำการทดสอบภาษาอังกฤษ IELTS ก่อนเดือนมิถุนายน ในกรณีที่พวกเขาไม่ได้คะแนน 6.5 ตามที่กำหนดสำหรับมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ พวกเขาจะยังคงมีเวลาสำหรับการสอบใหม่
1 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
กลยุทธ์การเลือกหลักสูตร . การวิเคราะห์การเลือกโรงเรียน . มหาวิทยาลัยอังกฤษ

[ศิลปะและการออกแบบในสหราชอาณาจักร: สำรวจการเรียนศิลปะและการออกแบบในลอนดอน]

เมื่อพิจารณาการสมัคร UCAS ล่าสุดสำหรับมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร เห็นได้ชัดว่านักศึกษาต่างชาติจำนวนมากยังคงมีความสนใจอย่างมากในวิชาศิลปะและการออกแบบ แม้ว่าศิลปะและการออกแบบอาจไม่มีใบรับรองระดับมืออาชีพเช่นเดียวกับสาขาต่างๆ เช่น การบัญชีหรือกายภาพบำบัด แต่พวกเขาได้พัฒนาไปไกลกว่าการวาดภาพด้วยกระดาษและดินสอแบบดั้งเดิม และตอนนี้ครอบคลุมสาขาที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น แอนิเมชันและอีสปอร์ต ซึ่งเปิดโอกาสด้านการออกแบบใหม่ๆ แบบดั้งเดิมกับแบบใหม่: โอกาสในการทำงานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในด้านศิลปะและการออกแบบ แม้แต่ในสาขาศิลปะและการออกแบบ ก็มีความแตกต่างระหว่างสาขาวิชาแบบดั้งเดิมและสาขาที่เกิดขึ้นใหม่ คำว่า "แบบดั้งเดิม" หมายถึงวิชาที่ดึงดูดการสมัครและสอบถามข้อมูลของนักเรียนในอดีตมากขึ้น มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ที่เปิดสอนหลักสูตรศิลปะและการออกแบบมีวิชาทั่วไปดังต่อไปนี้: ด้วยการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์การออกแบบอย่างแพร่หลาย วิชาดั้งเดิมเหล่านี้ได้รวมองค์ประกอบการออกแบบดิจิทัลเพื่อให้ทันกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงนี้เข้ากันได้ดีกับอุตสาหกรรมเกิดใหม่ เช่น แอนิเมชัน สื่อดิจิทัล เกมอิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ ทำให้เกิดหลักสูตรใหม่: นักเรียนและผู้ปกครองบางคนอาจกังวลเกี่ยวกับโอกาสในการทำงานของวิชาเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยความต้องการสูงสำหรับมืออาชีพในสาขาศิลปะและการออกแบบในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงการโฆษณาแบบดั้งเดิม ภาพยนตร์ และสื่อโทรทัศน์ ตลอดจนอุตสาหกรรมอีสปอร์ตและเกมที่กำลังเติบโต ทำให้มีโอกาสมากมายสำหรับผู้สำเร็จการศึกษา สร้างผลงานศิลปะที่น่าประทับใจ นักเรียนหลายคนที่ต้องการเรียนศิลปะและการออกแบบมักกังวลเกี่ยวกับการเตรียมผลงานศิลปะ คำถามทั่วไป ได้แก่ "ฉันควรรวมกี่ชิ้น" และ "ควรรวมอาร์ตเวิร์คประเภทใดบ้าง" ก่อนเริ่มกระบวนการสร้างสรรค์ สิ่งสำคัญคือต้องกำหนดแนวทางต่อไปนี้: เนื่องจากผลงานศิลปะมีจำนวนจำกัด นักเรียนจึงต้องแสดงผลงานที่มีความมั่นใจและประสบความสำเร็จมากที่สุด ตามแนวทางที่แนะนำโดย School of Art and Design ของ Middlesex University London ผลงานศิลปะทั่วไปควรมีองค์ประกอบต่อไปนี้: สำหรับนักเรียนที่สนใจเกี่ยวกับแอนิเมชั่น นอกจากองค์ประกอบที่กล่าวมาแล้ว ขอแนะนำให้กำหนดธีมหรือโครงเรื่องสำหรับพอร์ตโฟลิโอทั้งหมด และรวมถึงหนังสั้น ภาพประกอบ สตอรี่บอร์ด และงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อทำให้พอร์ตโฟลิโอมีชีวิตชีวา นักศึกษาสามารถดูวิดีโอ "10 ขั้นตอนในการสร้างผลงานศิลปะและการออกแบบของคุณ" ที่จัดทำโดย Middlesex University London สำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างผลงาน 10 ขั้นตอนในการสร้างผลงานศิลปะและการออกแบบของคุณ เรียนศิลปะและการออกแบบในลอนดอน: เป็นไปได้ไหมที่จะหาทางเลือกที่เหมาะสม? นักศึกษาที่ช่างสังเกตอาจสังเกตเห็นว่ามหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรหลายแห่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความเชี่ยวชาญด้านศิลปะและการออกแบบนั้นจัดอยู่ในประเภทมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิค สถาบันเหล่านี้ซึ่งมีต้นกำเนิดในชื่อวิทยาลัยโพลีเทคนิค แตกต่างจากมหาวิทยาลัยที่เน้นด้านวิชาการตรงที่มุ่งเน้นให้นักเรียนมีทักษะด้านอุตสาหกรรมและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับสาขาของตน การมุ่งเน้นนี้ช่วยเพิ่มโอกาสการได้งานของนักศึกษาและเพิ่มโอกาสในการหางานหลังจากสำเร็จการศึกษา ลอนดอนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นศูนย์กลางทางศิลปะที่สำคัญในยุโรป โดยมีรูปแบบทางวัฒนธรรมที่หลากหลายมาบรรจบกันในเมืองนานาชาติแห่งนี้ และกิจกรรมแลกเปลี่ยนศิลปะมากมายเกิดขึ้น ภูมิภาคนี้เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่มีชื่อเสียงด้านโปรแกรมศิลปะและการออกแบบ อย่างไรก็ตาม ค่าเล่าเรียนสำหรับสถาบันเหล่านี้โดยทั่วไปมีตั้งแต่ 14,500 ถึง 16,000 ปอนด์ต่อปี โดยสถาบันที่มีชื่อเสียงอย่าง UAL (University of the Arts London) จะเรียกเก็บมากกว่า 22,000 ปอนด์ เมื่อรวมกับค่าครองชีพแล้ว สิ่งนี้ยังขัดขวางนักเรียนบางคนไม่ให้พิจารณาศึกษาต่อในลอนดอนจะเป็นอย่างไรหากมีมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนวิชาศิลปะและการออกแบบอันหลากหลาย ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางกรุงลอนดอน 30 นาทีโดยรถไฟใต้ดิน และมีค่าเล่าเรียนต่ำกว่า 14,500 ปอนด์ คุณจะสนใจไหม อย่าเพิ่งสนใจ เริ่มปฏิบัติ! Middlesex University London ตั้งอยู่ในเมือง Hendon ใน North London ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีจากสถานีรถไฟใต้ดิน Hendon Central ใช้เวลาเพียง 25 นาทีเพื่อไปยังใจกลางกรุงลอนดอน ไชน่าทาวน์ และพื้นที่อื่นๆ ด้วย Northern Line Middlesex เปิดสอนหลักสูตรศิลปะและการออกแบบหลายหลักสูตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการออกแบบแฟชั่น การออกแบบกราฟิก แอนิเมชัน และการออกแบบเกม 3 มิติ หลักสูตร Fashion Styling and Communication เป็นหนึ่งในห้าหลักสูตรเฉพาะทางที่เปิดสอนโดยมหาวิทยาลัยทั่วสหราชอาณาจักร ซึ่งเน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งของมหาวิทยาลัย ค่าเล่าเรียนรายปีอยู่ที่ 14,000 ปอนด์ และนักศึกษาต่างชาติจะได้รับส่วนลด 1,000 ปอนด์สำหรับการจองล่วงหน้า Middlesex University London ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมือง มีทางเลือกที่น่าสนใจและราคาไม่แพง!
2 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
ค่ายฤดูร้อนในสหราชอาณาจักร

[UK Summer Camp: ประสบการณ์การศึกษาต่อต่างประเทศที่มีคุณภาพ ด้วยค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล]

ด้วยความกดดันด้านวิชาการและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในเอเชีย ผู้ปกครองจำนวนมากจึงคิดถึงอนาคตของบุตรหลานและส่งพวกเขาไปศึกษาต่อต่างประเทศ แม้จะอายุยังน้อย ด้วยการส่งพวกเขาเข้าเรียนในโรงเรียนประจำ แนวโน้มการศึกษาต่อต่างประเทศในระยะเริ่มต้นนั้นไม่หยุดยั้ง อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการเตรียมความพร้อมด้านจิตใจและการสื่อสารที่ดีพอ การเรียนในต่างประเทศอาจกลายเป็นฝันร้ายสำหรับเด็กๆ ได้ เมื่อนึกถึงสมัยที่ฉันอยู่โรงเรียนประจำ เพื่อนร่วมชั้นบางคนกล่าวว่าพวกเขาถูกส่งไปเรียนที่สหราชอาณาจักรโดยไม่ได้เตรียมตัวด้านจิตใจเลย และพวกเขาทั้งหมดต้องเผชิญกับปัญหาการปรับตัวอย่างรุนแรงในช่วงเริ่มต้นของการเดินทางศึกษาในต่างประเทศ ในฐานะพ่อมือใหม่ ฉันได้เห็นลักษณะการปกป้องมากเกินไปของพ่อแม่ชาวฮ่องกง "นายน้อย" และ "เจ้าหญิง" จำนวนมากได้รับความรักและความเอาใจใส่จากพ่อแม่ "ผู้เฒ่าทั้งสี่" หรือผู้ช่วยในบ้าน เด็กๆ เหล่านี้ซึ่งได้รับการอาบอบอวลไปด้วยความรักไม่รู้จบ จู่ๆ ก็ถูกส่งไปไกลหลายพันไมล์ไปยังสหราชอาณาจักรเพื่อใช้ชีวิตในฐานะนักเรียนประจำและเผชิญทุกสิ่งตามลำพัง ความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเห็นได้ชัด และในตอนแรกเพื่อนร่วมชั้นของฉันมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการปรับตัวและไม่มีความสุข ก่อนส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อต่างประเทศ ผู้ปกครองสามารถพิจารณาให้พวกเขาเข้าร่วมค่ายฤดูร้อนที่จัดโดยโรงเรียนประจำหรือสถาบันที่คล้ายคลึงกันที่ต้องการ สิ่งนี้ทำให้เด็ก ๆ ได้ลิ้มรสประสบการณ์และดูว่าเหมาะกับพวกเขาหรือสนุกกับมันหรือไม่ โรงเรียนประจำให้การดูแลสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่เด็ก ๆ ควรปฏิบัติตามกฎบางอย่างและเรียนรู้การจัดการตนเองในชีวิตประจำวัน เช่น การรักษาห้องให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและเข้ากับเพื่อนร่วมห้องได้ดี นักเรียนที่เข้าร่วมค่ายฤดูร้อนจะไม่รู้สึกสูญเสียเมื่อพวกเขาเข้าโรงเรียนประจำอย่างเป็นทางการ และจะพร้อมมากขึ้นที่จะยอมรับความท้าทายในชีวิตใหม่ของพวกเขา ค่ายฤดูร้อนเหล่านี้สามารถถูกมองว่าเป็นก้าวย่างสำหรับเด็ก ๆ เพื่อสัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตอย่างอิสระ ผู้ปกครองบางคนอาจคาดหวังให้บุตรหลานของตนพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ของค่ายฤดูร้อน ซึ่งไม่สมจริง อย่างไรก็ตาม ค่ายฤดูร้อนสามารถช่วยเด็กสร้างความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษและปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ล่วงหน้า แองเจลาซึ่งเข้าร่วมค่ายฤดูร้อนในอังกฤษกล่าวว่าเธอต้องทำงานในโครงการ STEM ร่วมกับนักเรียนจากทั่วโลก จากนั้นจึงนำเสนอผลการเรียนรู้ สมาชิกในทีมมาจากส่วนต่างๆ ของโลกและมีสำเนียงต่างกัน สิ่งนี้ช่วยพัฒนาทักษะการฟังและการสนทนาของ Angela ซึ่งเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพกับเพื่อนต่างชาติในการศึกษาต่อในสหราชอาณาจักรในอนาคตของเธอ การศึกษาของอังกฤษได้รับการยกย่องอย่างสูงด้วยแนวทางการศึกษาแบบ "ดื่มด่ำ" นักศึกษาจะได้เรียนรู้ทักษะชีวิต เทคนิคการสื่อสาร และการทำงานเป็นทีมผ่านกิจกรรมนอกหลักสูตรที่หลากหลาย ค่ายฤดูร้อนที่จัดโดยโรงเรียนประจำจะรวมเอากิจกรรมการเรียนรู้ตามปกติไว้ด้วยกัน ทำให้นักเรียนได้สัมผัสกับลักษณะเฉพาะของชีวิตประจำภายในไม่กี่สัปดาห์ ยกตัวอย่างค่ายฤดูร้อนของโรงเรียน Sedbergh หนึ่งสัปดาห์อุทิศให้กับการสำรวจผจญภัยภาษาอังกฤษริมทะเลสาบ ซึ่งนักเรียนสามารถท้าทายตัวเองผ่านกิจกรรมทางน้ำต่างๆ การปีนหน้าผากลางแจ้ง การทำสวน ไต่เชือกสูง และกิจกรรมกลุ่ม หลังจากจบหลักสูตรประจำวันแล้ว ทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมทางสังคมและการศึกษาต่างๆ ให้นักเรียนได้เข้าร่วม เช่น แคมป์ไฟ คืนช็อกโกแลต ดิสโก้ และอื่นๆ กิจกรรมเหล่านี้ทำให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะทางสังคมและเรียนรู้การสร้างเครือข่ายผ่านกิจกรรมเหล่านี้ การส่งลูกเข้าโรงเรียนประจำเป็นการลงทุนที่สำคัญ ซึ่งไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับค่าเล่าเรียนปีละหลายแสนดอลลาร์เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กเล็กอีกด้วย ก่อนลงทะเบียนบุตรหลาน ผู้ปกครองต้องทำความเข้าใจอย่างถี่ถ้วนว่าประสบการณ์การศึกษาต่อต่างประเทศนั้นเหมาะสมกับบุตรหลานหรือไม่ การเข้าร่วมค่ายฤดูร้อนและให้พวกเขา "ทดสอบน่านน้ำ" ผ่านการเดินทางเพื่อการศึกษาน่าจะเป็นแนวทางที่ดี อย่างไรก็ตาม ด้วยค่ายฤดูร้อนที่มีให้เลือกมากมาย ควรเลือกอย่างไรดี?
1 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
การวิเคราะห์ระบบโรงเรียน . ตัวช่วยสำหรับคนที่อยากเข้ามหาวิทยาลัยในฝัน

[การวิเคราะห์ระบบการศึกษาของอังกฤษ: A-Level หรือ University Foundation: ก้าวย่างใดที่มั่นคงกว่าในการเข้ามหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร]

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้ปกครองหลายคนถามว่าควรเลือกหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายแบบดั้งเดิม (A-Level) หรือหลักสูตร Foundation ของมหาวิทยาลัย คำถามนี้สร้างปัญหาให้กับผู้ปกครองหลายคน แต่สถานการณ์ของครอบครัวแต่ละครอบครัวก็แตกต่างกัน และนักเรียนแต่ละคนก็เป็นปัจเจกบุคคล ดังนั้น เราเสียใจที่จะบอกว่าไม่มีคำตอบตายตัวสำหรับคำถามนี้ เราต้องเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดตามความสามารถของนักเรียนและสถานการณ์จริงของครอบครัว A-Level และ Foundation คืออะไรกันแน่? ก่อนอื่น ให้ฉันแนะนำหลักสูตรทั้งสองประเภทนี้โดยสังเขปแก่ผู้ปกครองที่อาจมีความรู้จำกัดเกี่ยวกับหลักสูตรเหล่านี้ A-Level คือหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายแบบดั้งเดิมของสหราชอาณาจักร เป็นหลักสูตรสองปี โดยทั่วไปแล้วนักเรียนจะเลือกเรียนวิชา A-Level 3-4 วิชา หลังจากนั้นตามความสนใจ พวกเขาสมัครเข้ามหาวิทยาลัยและหลักสูตรปริญญาที่ต้องการผ่าน UCAS บริการรับเข้ามหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร เนื่องจาก A-Level เป็นหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายในสหราชอาณาจักร หลักสูตรการสอนจึงไม่คำนึงถึงสถานการณ์ของนักเรียนต่างชาติ เน้นความเข้าใจและนำความรู้ทางวิชาการไปใช้มากขึ้น มาตรฐานการรับเข้าเรียนของมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรจะพิจารณาจากผลการสอบ A-Level ของนักเรียนเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Oxford, Cambridge และ Imperial College London กำหนดเกรด A หรือ A* เป็นขั้นต่ำ ในทางกลับกัน โปรแกรม University Foundation มักจะใช้เวลาประมาณหนึ่งปีและเป็นเส้นทางที่เร็วที่สุดในการเข้าสู่โปรแกรมระดับมหาวิทยาลัย ขั้นแรก นักศึกษาระดับ Foundation จะต้องกำหนดสาขาวิชาที่ต้องการเรียนในมหาวิทยาลัย จากนั้นจึงเลือกสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชานั้น (เช่น ธุรกิจ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ศิลปะ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ สื่อ ฯลฯ) เป็นจุดสนใจหลัก ศึกษา. เมื่อพิจารณาว่านักเรียนต่างชาติอาจไม่คุ้นเคยกับระบบการศึกษาของสหราชอาณาจักรและเผชิญกับความท้าทายด้านภาษา โรงเรียนยังจัดหลักสูตรภาษาและการฝึกอบรมทักษะการเรียนในมหาวิทยาลัยตามความสามารถของนักเรียน มหาวิทยาลัยจะพิจารณาผลการเรียนของนักเรียนในโปรแกรม Foundation เป็นหลักสำหรับการเข้าศึกษา ตราบใดที่นักศึกษามีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดเฉพาะของมหาวิทยาลัย ก็สามารถรับเข้าเรียนได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการสมัคร UCAS และดำเนินการต่อที่มหาวิทยาลัยในเครือ
1 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
วิธีการศึกษาต่อในอังกฤษ . โรงเรียนประจำอังกฤษ

การวิเคราะห์ระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษ: โครงสร้างโปรแกรม IB เหมาะกับผู้เรียนที่มีผลสอบดีเท่านั้นหรือไม่?

เวลาที่นักเรียนบอกว่าพวกเขากำลังศึกษาโปรแกรม IB ฉันไม่สามารถหยุดต้องการกอดและพูดว่า "คุณได้ทำงานหนักมาตลอดหลายปีแล้ว" ในปีการศึกษา 2018/19 ฉันเคยมีการสัมผัสกับครอบครัวจำนวนมากที่สอบถามเกี่ยวกับการศึกษาในสหราชอาณาจักร และบางส่วนของผู้ปกครองเหล่านี้แสดงความปรารถนาที่จะลงทะเบียนเด็กของพวกเขาในโรงเรียนที่มีหลักสูตร IB ผู้ปกครองเชื่อว่าระบบ IB คือหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับระดับนานาชาติมากที่สุดในโลกในปัจจุบันและสามารถเสริมสร้างความสามารถทั่วถึงของนักเรียนได้ แน่นอนว่านี้เป็นข้อได้เปรียบของโปรแกรม IB อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่นักเรียนทุกคนที่เหมาะสมกับหลักสูตร IB ดังนั้น ผู้ปกครองควรพิจารณาและเลือกอย่างไร?เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าโปรแกรม IB คืออะไร ชื่อเต็มของโปรแกรม IB คือ "International Baccalaureate" ซึ่งได้รับการนำไปใช้ในโรงเรียนระดับนานาชาติทั่วโลก โดยมีโรงเรียนที่ได้รับการรับรองจาก IB ประมาณ 5,000 โรงเรียนทั่วโลก ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โปรแกรม IB Diploma (IBDP) ประกอบด้วยกลุ่มวิชาหกกลุ่มและสามส่วนประกอบหลัก กลุ่มวิชาทั้งหกประกอบด้วย: ส่วนประกอบหลักทั้งสามประกอบด้วย: ทางด้านวิชาการเมื่อเปรียบเทียบกับหลักสูตร A-Level ที่ใช้ในประเทศสหราชอาณาจักร วิชาในโปรแกรม IB นั้นจะมีความเรียบง่ายกว่าจริงๆ อย่างไรก็ตาม คนบางคนบอกว่าโปรแกรม IB นั้นยาก เนื่องจากมีความต้องการทั้งหมดอย่างเป็นระบบ นักเรียนต้องเป็น "คนที่มีทักษะทั้งหมด" ในการบรรลุระดับที่กำหนดในด้านภาษา มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และอาจไปถึงศิลปะด้วย นอกจากนี้ โปรแกรม IB ยังมีการต้องการที่สูงมากในด้านทักษะในภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนด้วย เรื่องเช่นคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ ในระบบ IB นั้น บ่งบอกว่าคะแนนจะมาจากการเขียนเรียงความ นักเรียนอาจเขียนเรื่องวิเคราะห์ทางวรรณกรรมเป็นภาษาอังกฤษได้ แต่พวกเขาสามารถเขียนเรียงความทางคณิตศาสตร์ได้เท่าเทียมกันหรือไม่? ดังนั้น ถ้าทักษะทางภาษาอังกฤษของนักเรียนไม่เพียงพอ อาจทำให้นักเรียนลำบากในการเรียน IB ได้ ก่อนตัดสินใจว่าเด็กเหมาะสมกับโปรแกรม IB หรือไม่ ผู้ปกครองอาจพิจารณาคำถามต่อไปนี้: เด็กชอบคิดเชิงวิพากษ์หรือไม่? พวกเขาเก่งเฉพาะบางวิชาหรือไม่? ทักษะภาษาของพวกเขาแข็งแกร่งหรือไม่? เนื่องจากหลักสูตร IB เน้นความสมดุลระหว่างศิลปะและวิทยาศาสตร์ นักเรียนที่เรียนหลักสูตร IB จึงไม่ควรเลือกเรียนวิชาที่ชอบด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป พวกเขาไม่สามารถพูดได้ว่าพวกเขาชอบมนุษยศาสตร์และไม่ชอบวิชาอื่นๆ เท่านั้น เนื่องจากการแสดงของพวกเขาในห้ากลุ่มวิชาบังคับที่เหลืออาจไม่เหมาะ นอกจากนี้ นักเรียนบางคนอาจไม่ชอบการท่องจำและการทำข้อสอบอย่างต่อเนื่อง แต่ชอบคิด ทำวิจัย และร่วมมือกับผู้อื่น ในกรณีเช่นนี้ โปรแกรม IB อาจเหมาะสมสำหรับพวกเขา โปรแกรม IB ยังเน้นความสามารถทางภาษาและทักษะการสื่อสารของนักเรียน ดังนั้น นักเรียนที่เรียนโปรแกรม IB ควรมีทักษะภาษาอังกฤษและภาษาแม่ที่ดี ในหมู่นักเรียน IB มีเรื่องตลกว่าถ้าคุณรอดจากโปรแกรม IB ได้ แสดงว่าคุณคือผู้ประสบความสำเร็จสูงสุดอย่างแท้จริง และไม่มีอะไรต้องกลัวแม้ว่าคุณจะเข้ามหาวิทยาลัยก็ตาม แม้ว่าโปรแกรม IB จะยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่เหมาะสำหรับนักเรียนทุกคน ผู้ปกครองควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น บุคลิกภาพ นิสัยการเรียนรู้ และความสามารถโดยรวมของบุตรหลาน ก่อนตัดสินใจว่าจะให้พวกเขารับความท้าทายนี้หรือไม่!
1 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
กลยุทธ์การเลือกหลักสูตร . มหาวิทยาลัยอังกฤษ

[สื่อในสหราชอาณาจักร] การเรียนสื่อเกี่ยวกับการเป็นปาปาราซโซเท่านั้นหรือ!

ในสมัยโบราณ มนุษย์ใช้กระดาษเป็นหลักในการเผยแพร่ข้อมูล ในศตวรรษที่ 20 สื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์เกิดขึ้นมากมาย และตอนนี้ในศตวรรษที่ 21 สื่อออนไลน์ก็ครองโลก โดยไม่คำนึงถึงรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งหนึ่งที่คงที่คือ "สื่อและการสื่อสาร" เป็นส่วนสำคัญของสังคมมนุษย์เสมอมา อย่างไรก็ตาม ในฮ่องกง มีนักเรียนบางคนที่ใฝ่ฝันอยากเรียน "สื่อ" เสมอ ซึ่งมักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับความเป็นจริงและท้อใจกับความคิดเห็นเช่น "คุณจะทำงานให้กับ TVB หลังเรียนจบหรือไม่" “งั้นคุณก็จะกลายเป็นปาปาราซโซงั้นเหรอ?” "คุณเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่" หลายคนสะท้อนความเข้าใจผิดเหล่านี้ แต่คุณเข้าใจ "สื่อศึกษา" ดีแค่ไหน? วันนี้ผมขอพูดถึงโอกาสทางอาชีพในสาขาสื่อศึกษาโดยสังเขป ยกตัวอย่างมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร หลักสูตรสื่อศึกษาในสหราชอาณาจักรแบ่งออกเป็นสี่ประเภทหลัก: 1. วารสารศาสตร์ (มีวินัยเชิงปฏิบัติมากขึ้น) โปรแกรมวารสารศาสตร์มีจุดเน้นที่ตรงเป้าหมายมากขึ้น นอกจากความรู้ทางทฤษฎีแล้ว พวกเขายังเน้นโอกาสในการลงมือปฏิบัติจริง เช่น การเขียนข่าว การรายงาน และประสบการณ์หน้ากล้อง ส่วนใหญ่ครอบคลุมสื่อสามประเภท ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อกระจายเสียง และสื่อบนเว็บ มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรบางแห่งมีการออกแบบหลักสูตรที่เน้นภาคปฏิบัติเป็นหลัก ในขณะที่บางแห่งเน้นทฤษฎี ตัวอย่างเช่น โปรแกรมสื่อสารมวลชนที่มหาวิทยาลัยลีดส์จัดให้มีการฝึกงานสามสัปดาห์ในช่วงปิดภาคฤดูร้อนในปีที่สองและสาม ในทางกลับกัน มหาวิทยาลัยเลสเตอร์ไม่ได้รวมการฝึกงานเป็นองค์ประกอบบังคับภายในระยะเวลาสามปีของการศึกษา แม้ว่าทั้งสองมหาวิทยาลัยจะมีชื่อเสียงด้านสื่อสารมวลชน นอกจากพิจารณาจากชื่อเสียงแล้ว นักศึกษาควรให้ความสนใจด้วยว่ามหาวิทยาลัยเสนอโอกาสในการฝึกงานหรือไม่ เนื่องจากสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสการได้งานในอนาคต ทิศทางการจ้างงานสำหรับผู้สำเร็จการศึกษาด้านสื่อสารมวลชน ได้แก่ พอร์ทัลออนไลน์ (Yahoo, Google) สถานีโทรทัศน์ นักข่าวหนังสือพิมพ์ บรรณาธิการ การประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล ฯลฯ 2. การสื่อสาร (สมดุลระหว่างการปฏิบัติและทฤษฎี) โปรแกรมการสื่อสารครอบคลุมความรู้เชิงปฏิบัติและทฤษฎี รวมถึงวิชาต่างๆ เช่น การโฆษณา การตลาด และการประชาสัมพันธ์ โดยทั่วไปแล้ว โปรแกรมโฆษณาในมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรจะแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกผสมผสานการตลาดและเน้นธุรกิจมากขึ้น โดยเน้นตำแหน่งโฆษณาและการเลือกสื่อ หลักสูตรหลัก ได้แก่ จิตวิทยาผู้บริโภค การประชาสัมพันธ์ และการโฆษณา ส่วนอีกหมวดหนึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะและมุ่งเน้นไปที่การออกแบบและการผลิตโฆษณา หลักสูตรหลัก ได้แก่ การออกแบบกราฟิกและการออกแบบเว็บไซต์ ก่อนเลือกโรงเรียน นักศึกษาต้องเข้าใจอย่างชัดเจนว่าโปรแกรมโฆษณาของมหาวิทยาลัยนั้นเน้นธุรกิจหรือศิลปะมากกว่ากัน มิฉะนั้น นักเรียนที่ไม่มีพื้นฐานด้านศิลปะอาจพบว่าไม่เหมาะกับการเรียนโปรแกรมโฆษณาที่เน้นศิลปะ โปรแกรมการประชาสัมพันธ์ครอบคลุมความรู้ด้านต่างๆ ได้แก่ จิตวิทยา การจัดการ พฤติกรรมศาสตร์ การสื่อสาร สังคมวิทยา รัฐศาสตร์ และตรรกศาสตร์ นักศึกษาอาจต้องเรียนหลักสูตรเฉพาะทางเพิ่มเติม เช่น กฎหมาย ภาพยนตร์ศึกษา หรือการเงิน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการให้ความสำคัญของมหาวิทยาลัยต่างๆ ทิศทางการจ้างงานสำหรับผู้สำเร็จการศึกษาด้านการสื่อสาร ได้แก่ การประชาสัมพันธ์และการตลาด การตลาดองค์กร เอเจนซี่โฆษณา บริษัทสิ่งพิมพ์ และสถานีโทรทัศน์ . 3. สื่อ (วินัยที่เน้นทฤษฎีมากขึ้น) โปรแกรมสื่อเน้นด้านทฤษฎีมากกว่าและมีความเกี่ยวข้องเชิงปฏิบัติน้อยกว่ากับอุตสาหกรรมสื่อเมื่อเทียบกับสองประเภทก่อนหน้า เกี่ยวข้องกับการศึกษาค้นคว้าเนื้อหาของสื่อ หลักสูตรทั่วไปในโปรแกรมสื่อรวมถึงประวัติสื่อ การวิเคราะห์อุตสาหกรรมสื่อ วิวัฒนาการของสื่อ และสถานะปัจจุบันของอุตสาหกรรมสื่อ โดยทั่วไปแล้วมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรเปิดสอนหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับสื่อ เช่น การจัดการสื่อสารมวลชน วัฒนธรรมและสื่อศึกษา สื่อดิจิทัล และสื่อและสังคมวิทยา ในขณะที่เรียนสื่อ นักเรียนยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับสังคมวิทยา ภาษาศาสตร์สังคม ประวัติศาสตร์ สัญศาสตร์ และวัฒนธรรม สาขาวิชานี้เหมาะสำหรับนักศึกษาที่ชื่นชอบการทำงานกับข้อความ มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับการศึกษาเชิงวิชาการ และเอนเอียงไปทางการเก็บตัว ทิศทางการจ้างงานสำหรับผู้สำเร็จการศึกษาด้านสื่อ ได้แก่ ผู้ประสานงานสื่อ การศึกษา การเมือง องค์กรพัฒนาเอกชน ภาครัฐ และสื่อใหม่ - บทบาทที่เกี่ยวข้อง 4. อื่นๆ นอกเหนือจากสามหมวดหมู่หลักที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว โปรแกรมสื่อจำนวนมากได้รวมการศึกษาสื่อสร้างสรรค์และภาพยนตร์เข้าด้วยกันอย่างแข็งขัน เพื่อบ่มเพาะความสามารถในการผลิต กำกับ กำกับศิลป์ ถ่ายทำ ตัดต่อ เขียนบท และอุตสาหกรรมสื่อสร้างสรรค์ที่เกี่ยวข้อง ในสังคมปัจจุบัน เพื่อให้ทันกับการเผยแพร่ข้อมูลในศตวรรษที่ 21 ความต้องการสื่อสร้างสรรค์เหล่านี้จึงเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเลือกโปรแกรม นักเรียนควรทราบด้วยว่าแต่ละโรงเรียนมีสัดส่วนของความรู้ภาคปฏิบัติและทฤษฎีที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือก ขอแนะนำให้ตรวจสอบโครงสร้างหลักสูตรอย่างถี่ถ้วนและดูว่าสอดคล้องกับรูปแบบที่คุณต้องการหรือไม่ โลกของสื่อศึกษานั้นกว้างใหญ่ และตราบใดที่คุณค้นหาสิ่งที่คุณสนใจและเจาะลึกลงไป ไม่ว่าจะเป็นงานเขียน การสร้างภาพยนตร์ การโฆษณา หรือการวางแผนการตลาดภายนอก คุณจะสามารถค้นพบความเชี่ยวชาญของคุณในโลกที่พัฒนาอย่างสูงนี้ การเผยแพร่ข้อมูล
1 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
Top cross